คอลัมน์ แวดวงอุดมศึกษา: มทร.ธัญบุรี ชูไส้อั่วหัวปลีทำง่ายกำไรดี

เดลินิวส์ (กรอบบ่าย) ฉบับวันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2563
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เลอลักษณ์ เสถียรรัตน์ อาจารย์ประจำวิชานวัตกรรมเพื่อชุมชน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี (มทร.ธัญบุรี) เปิดเผยว่า นักศึกษา ได้แก่ ธนิสร ทองแบบ, ภัทราพร ชัชวาล, ปราณปรียา แก่กล้า, เบญจวรรณ คำเหลือ และ จิรัชญา สุทธกิจ นักศึกษาชั้นปีที่ 4 สาขาวิชาการตลาด คณะบริหารธุรกิจได้ลงพื้นที่เก็บข้อมูลในชุมชน พบว่าในพื้นที่มีหัวปลี และวัตถุดิบที่สามารถนำมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์อาหาร ตอนแรกนักศึกษาจะทำน้ำพริกกากหมูจากหัวปลี แต่การทำน้ำพริกกากหมูต้องใช้ส่วนผสมที่แห้งมีความชื้นต่ำเพื่อให้สามารถเก็บได้นาน ซึ่งต้องนำหัวปลีไปทำให้แห้งด้วยวิธีการอบแห้ง ทำให้หัวปลีเหนียวและแข็ง ไม่เหมาะนำมาใช้เป็นวัตถุดิบในน้ำพริกกากหมู จึงให้คำปรึกษากับนักศึกษาว่ามีสูตรการทำไส้อั่วจากงานวิจัยอยู่แล้ว สามารถนำมาปรับสูตรใช้ได้
สำหรับไส้อั่วสมุนไพรหัวปลีจึงเป็นอีกเมนูทางเลือกที่สามารถทำได้ง่าย โดยนำหัวปลีมาเป็นส่วนผสมช่วยลดปริมาณเนื้อสัตว์ซึ่งมักมีราคาแพง ส่วนผสมประกอบด้วย เนื้อหมูบด 500 กรัม หัวปลีสับละเอียด 500 กรัม ใบมะกรูดหั่นฝอย 10 ใบ ผักชีซอย 2 ช้อนโต๊ะ ต้นหอมซอย 2 ช้อนโต๊ะ และไส้หมู ส่วนผสมเครื่องแกง พริกแห้ง 10 เม็ด ข่าหั่น 1 ช้อนโต๊ะ ตะไคร้ซอย 2 ช้อนโต๊ะ หอมแดง 10 หัว กระเทียม 20 กลีบ กะปิ 2 ช้อนโต๊ะ เกลือ 1 ช้อนชา จากสูตรดังกล่าวได้ไส้อั่วสมุนไพรหัวปลี 1 กิโลกรัม
ผศ.ดร.เลอลักษณ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า สำหรับมุสลิมอาจจะดัดแปลงใช้เนื้อสัตว์ชนิดอื่น เช่น ไก่ โดยเลือกส่วนหน้าอก ซึ่งมีราคาไม่สูงนำมาผสมมันไก่หรือหนังไก่ลงไป ส่วนไส้หมูก็ใช้ไส้เทียมทดแทน หรือถ้ากลุ่มแม่บ้านทำขายจำนวนมาก แนะนำให้ใช้ไส้เทียมแทนไส้หมู เพราะหาซื้อได้ง่ายและราคาไม่แพง โดยราคาขายไส้อั่วสมุนไพรหัวปลีกิโลกรัมละ 300 บาท ทำง่าย สร้างกำไร และสร้างอาชีพให้กับชุมชนได้ ผู้สนใจสามารถนำสูตรไส้อั่วสมุนไพรหัวปลีไปทำขายเพื่อสร้างรายได้ หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามได้ที่เบอร์ 08-7518-1144

แสดงความคิดเห็น

[fbcomments count="off" num="5"]