
มติชน (กรอบบ่าย) ฉบับวันที่ 03 สิงหาคม พ.ศ. 2564
ศธ.คาด ก.ย.พร้อมจ่ายให้โรงเรียนจัดสรรเงินให้ผู้ปกครอง 2 พันบาท ประธาน ทปอ.มทร.จ่อถกด่วน เล็งควักสำรองจ่ายให้ น.ศ.ก่อน
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม กรณีคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบให้ความช่วยเหลือบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษา 3 มาตรการคือ มาตรการที่ 1 ช่วยเหลือนักเรียน นักศึกษาที่กำลังศึกษาอยู่ในสถานศึกษาสังกัด ศธ.ทั้งภาครัฐและเอกชน ชั้นอนุบาล-ม.6 และอาชีวศึกษา ในอัตรา 2,000 บาทต่อคน จ่ายผ่านสถานศึกษา และให้สถานศึกษาจ่ายตรงให้นักเรียน นักศึกษา หรือผู้ปกครอง 11 ล้านคน วงเงิน 21,600 ล้านบาท มาตรการที่ 2 ขอความร่วมมือให้กลุ่มโรงเรียนเอกชนที่ไม่รับการอุดหนุนจากรัฐ และกลุ่มโรงเรียนนานาชาติ ลดหรือตรึงค่าใช้จ่ายผู้ปกครองให้เท่ากับปีการศึกษา 2563 และมาตรการที่ 3 ให้สถานศึกษาถัวจ่ายเงินที่ได้รับจัดสรรตามนโยบายเรียนฟรี 15 ปี ใน 5 รายการ เพื่อใช้ในการจัดการเรียนรู้ในสถานการณ์การแพร่ระบาดในปีการศึกษา 2564 และมีมติลดค่าเล่าเรียนของนิสิต นักศึกษา ในสถาบันอุดมศึกษาสังกัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) 3 ขั้น สูงสุด 50% นั้น
นางเกศทิพย์ ศุภวานิช โฆษก ศธ. เปิดเผยว่า น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการ ศธ. มอบหมายให้นายสุภัทร จำปาทอง ปลัด ศธ. ส่งหนังสือให้กระทรวงการคลังและสำนักงานประมาณ เพื่อพิจารณาจัดสรรงบให้ โดย ศธ.ได้ส่งข้อมูลกลุ่มนักเรียน นักศึกษา ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานในสังกัด ศธ.และนอกสังกัด ศธ. ได้รับเงินช่วยเหลือคนละ 2,000 บาท ประมาณ 11 ล้านคน ประกอบด้วย สถานศึกษาสังกัด ศธ.ทั้งภาครัฐและเอกชน ประมาณ 9.8 ล้านคน และสถานศึกษานอกสังกัด ศธ.มีทั้งสิ้นประมาณ 1.2 ล้านคน ประกอบด้วย กลุ่มโรงเรียนสาธิต สังกัด อว. กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) กรุงเทพมหานคร และเมืองพัทยา
“หากสำนักงบประมาณอนุมัติเงินให้แล้ว จะโอนไปยังหน่วยงานต้นสังกัดต่อไป เพื่อให้หน่วยงานต้นสังกัดไปบริหารจ่ายเงินต่อไป โดยสถานศึกษาจะต้องดำเนินการตามมติ ครม.คือต้องจ่ายเงินให้ผู้ปกครองโดยตรง 2,000 บาท เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้ปกครอง” นางเกศทิพย์กล่าว
นางเกศทิพย์กล่าวต่อว่า ในส่วนของ ศธ.ขณะนี้รอสำนักงบประมาณพิจารณาและแจ้งกลับมา ว่าจะให้งบเท่าไหร่ และจะมอบให้ในช่วงไหน คาดว่ากระบวนการต่างๆ จะแล้วเสร็จภายในเดือนกันยายนนี้ ทั้งนี้ จะจ่ายไปตามฐานข้อมูลที่ ศธ.เคยจ่ายเงินอุดหนุนรายหัวของนักเรียน โดยจะนำเงินให้โรงเรียนโดยตรง ซึ่งทางโรงเรียนจะบริหารจัดการเองว่าจะจ่ายเงินให้ผู้ปกครองอย่างไร อาจจะจ่ายเงินสด หรือโอนเข้าบัญชีธนาคาร เป็นต้น ส่วนโรงเรียนเอกชนที่ได้ไม่ได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐ ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษา เช่น อาจจะให้เงินกับศึกษาธิการจังหวัด (ศธจ.) เพื่อให้ ศธจ.นำเงินส่งต่อไปที่โรงเรียน หรืออาจจะจัดสรรให้โรงเรียนโดยตรง เป็นต้น
นายสมหมาย ผิวสอาด อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ในฐานะประธานคณะกรรมการอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (ทปอ.มทร.) กล่าวว่า จากที่ ครม.มีมติเห็นชอบมาตรการให้ความช่วยเหลือบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษา ในส่วนของ อว.นั้น ครม.เห็นชอบอนุมัติกรอบวงเงิน 10,000 ล้านบาท เพื่อดำเนินการตามมาตรการที่ อว.เสนอ คือ 1.สถาบันอุดมศึกษาภาครัฐ ลดค่าเล่าเรียนและค่าธรรมเนียมการศึกษา โดยกำหนดเป็น 3 ขั้น ได้แก่ ขั้นที่ 1 หลักสูตรที่ไม่เกิน 50,000 บาท ลดค่าเล่าเรียน/ค่าธรรมเนียมการศึกษา ร้อยละ 50 ขั้นที่ 2 หลักสูตรที่เกิน 50,000-100,000 บาท ลดร้อยละ 30 และขั้นที่ 3 หลักสูตรที่เกิน 100,000 บาทขึ้นไป ลดร้อยละ 10 โดยรัฐบาลจะสนับสนุนงบสำหรับส่วนลดนี้ร้อยละ 60 และสถาบันอุดมศึกษาสมทบร้อยละ 40 หรือในอัตรา 6:4 และ 2.สถาบันอุดมศึกษาเอกชน รัฐบาลจะสนับสนุนลดค่าเล่าเรียน/ค่าธรรมเนียมการศึกษาคนละ 5,000 บาท และให้สถาบันอุดมศึกษาเอกชนแต่ละแห่ง พิจารณาลดค่าเล่าเรียนเพิ่มเติม และสนับสนุนมาตรการอื่นๆ นั้น ขณะนี้ อว.ได้จัดทำแนวทางการจัดสรรเงินให้กับมหาวิทยาลัย คาดว่าจะเสนอให้ ครม.พิจารณาในสัปดาห์หน้า
“เมื่อ ครม.อนุมัติ จำนวนเงินที่จะจัดสรรให้อย่างแน่นอนแล้ว ทาง 9 มทร.จะประชุมร่วมกันทันที เพื่อกำหนดเวลาคือเงินให้ศึกษา และจะคืนเงินให้กับนักศึกษาอย่างไร เบื้องต้นทั้ง 9 มทร.ได้วางแนวทางไว้ เช่น หากได้รับการจัดสรรเงินล่าช้าจากรัฐบาล ทาง มทร.อาจสำรองเงินให้นักศึกษาไปก่อน เป็นต้น” นายสมหมายกล่าว
นายสมหมายกล่าวว่า ส่วนการช่วยลดภาระผู้ปกครองของนักเรียนโรงเรียนสาธิตสังกัดมหาวิทยาลัยต่างๆ นั้น ส่วนหนึ่งทางมหาวิทยาลัยได้ลดค่าเทอมให้แล้ว นอกจากนี้ ผู้ปกครองจะได้รับเงินช่วยเหลือเพื่อลดภาระค่าใช้จากรัฐ 2,000 บาท โดยโรงเรียนสาธิตนวัตกรรม มทร.ธัญบุรี ได้ดูแลลดค่าเทอมส่วนหนึ่งเพื่อช่วยผู้ปกครอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้มีผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียนสาธิตสังกัดมหาวิทยาลัยต่างๆ สอบถามและร้องเรียนถึงมาตรการที่รัฐช่วยเหลือเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับผู้ปกครอง เนื่องจากว่าโรงเรียนสาธิตซึ่งอยู่ในสังกัดมหาวิทยาลัย แต่กลับไม่ได้รับการช่วยเหลือโดยการลดค่าเทอมเหมือนกับนิสิต นักศึกษา ทั้งๆ ที่ค่าเทอมของนักเรียนสาธิตสูงกว่าค่าเทอมของนิสิต นักศึกษามาก แต่กลับได้รับเพียงเงินที่รัฐจัดสรรให้ผู้ปกครองคนละ 2,000 บาท เท่านั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทั้งนี้ ผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียนสาธิตชื่อดังหลายแห่งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัดระบุว่า จนถึงขณะนี้ทางโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยต้นสังกัด ยังไม่ได้มีมาตรการลดค่าเทอมให้เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระผู้ปกครอง มีเพียงคืนค่าอาหาร ค่านม ค่าแอร์ หรือค่ากิจกรรมต่างๆ เนื่องจากนักเรียนไม่ได้ไปเรียนที่โรงเรียนอยู่แล้ว โดยจะคืนให้เป็นเงินสด หรือหักเป็นส่วนลดให้ในภาคเรียนถัดไป ซึ่งเป็นจำนวนเงินหลักร้อยบาท หรือหลักพันบาทเท่านั้น ในขณะที่ผู้ปกครองต้องรับภาระค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอุปกรณ์การเรียนผ่านออนไลน์ และค่าอินเตอร์เน็ต เพิ่มขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทั้งนี้ พบว่ามีผู้ปกครองเข้าไปสอบถามผู้บริหารโรงเรียนสาธิตต่างๆ ทางเพจเฟซบุ๊กของโรงเรียน โดยขอให้ทางโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยต้นสังกัดช่วยพิจารณาลดค่าเทอม นอกเหนือจากค่าอาหาร ค่านม ค่าแอร์ หรือค่ากิจกรรมต่างๆ เนื่องจากทางโรงเรียนจัดเก็บค่าเทอมแพงมาก โดยเฉพาะเด็กปฐมวัย ซึ่งได้เรียนผ่านออนไลน์วันไม่เกินครึ่งชั่วโมง แต่ต้องจ่ายค่าเล่าเรียนเต็มที่ ซึ่งทางแอดมินเพจของโรงเรียนสาธิตแจ้งว่า ได้แจ้งผู้บริหารไปแล้ว หรือบางแห่งระบุว่าเป็นอำนาจของสภามหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นผู้กำกับดูแลด้านนโยบาย