
กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2564
ทีมข่าวคุณภาพชีวิต
qualitylife4444@gmail.com
กรุงเทพธุรกิจ
ข้อมูลจาก Conservation.org ระบุว่า ปริมาณพลาสติกที่ คนเราทิ้งลงทะเลในแต่ละปี สูงถึง 7.9 พันล้านกิโลกรัมหรือเท่ากับน้ำหนักของวาฬสีน้ำเงิน 57,000 ตัว หากสถานการณ์ ยังคงเป็นแบบนี้ต่อไป คาดการณ์กันว่า อีกไม่เกิน 30 ปีต่อจากนี้ หรือปี 2593 ปริมาณพลาสติกจะมากกว่าปลาในมหาสมุทรรวมกัน
ล่าสุด เกิดความร่วมมือของ 3 ฝ่าย ได้แก่ ประชาคมวิจัย ภาคเอกชนและ ภาคชุมชน รวม 6 องค์กร ได้แก่สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี และกลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย (Dow) ลงนามความ ร่วมมือ ขับเคลื่อนโครงการ “ขยะทะเล…สู่…การเพิ่มรายได้ชุมชนระยอง” ร่วมกับ กลุ่มชุมชน เกาะกก และ ชุมชนหมู่บ้านเอื้ออาทร (วังหว้า) จ.ระยอง ถ่ายทอดนวัตกรรมการผลิตวัสดุก่อสร้างจากพลาสติกใช้แล้วให้กับชุมชน หวังสร้างรายได้ ยกระดับคุณภาพชีวิต ลดปัญหาขยะในทะเลไทยอย่างยั่งยืน
“ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการ สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กล่าวว่า ความร่วมมือ โครงการ”ขยะทะเล… สู่.การเพิ่มรายได้ชุมชนระยอง” ครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของการนำผลงานการวิจัยและนวัตกรรมของ “แผนงานวิจัยท้าทายไทย : ทะเลไทยไร้ขยะ” สู่การนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างเป็นรูปธรรม แก้ไขปัญหาและการจัดการขยะอย่างครบวงจร โดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้ขยะพลาสติก สร้างรายได้แก่ชุมชน สร้างความตระหนักต่อปัญหาการจัดการขยะในวงกว้าง ลดปัญหาผลกระทบสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะขยะพลาสติก สอดคล้องกับโรดแมพการจัดการขยะพลาสติก ปี 2561-2573 ด้วยงานวิจัย นวัตกรรม ขับเคลื่อนงานวิจัยสู่การใช้ประโยชน์ การแปรรูป สร้างรายได้ ชุมชนและวิสาหกิจชุมชน ผลักดันสู่การใช้ประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรม สร้างเครือข่าย ภาครัฐ เอกชน ชุมชน ในพื้นที่ เป็นชุมชนต้นแบบนำร่อง จ.ระยอง ขยายผลสู่ชุมชนอื่นในอนาคต สร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนที่มุ่งลดของเสียและใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด
ขณะเดียวกัน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ถือเป็นอีกหนึ่งหน่วยงาน ที่ได้รับจัดสรรทุนวิจัยจากสำนักงาน การวิจัยแห่งชาติ และเป็นผู้บริหารแผนงานวิจัยท้าทายไทย : ทะเลไทยไร้ขยะ” ที่มีเป้าประสงค์ในการจัดการกับปัญหาขยะพลาสติกในทะเล และดำเนินการการวิจัยในหลายส่วน รวมทั้งนวัตกรรมการนำขยะพลาสติกมาแปรรูปและสร้างมูลค่าเพิ่ม โดยมีเครือข่ายนักวิจัยของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี เป็นผู้ร่วมดำเนินการ
“ดร.จงรัก วัชรินทร์รัตน์” อธิการบดี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ระบุว่า การลดปริมาณขยะพลาสติกในทะเล มีการจัดเก็บยากพอสมควร การมีเทคโนโลยี จะทำให้ลดปริมาณขยะ ลดไมโครพลาสติก ที่มีผลต่อคุณภาพน้ำ และสัตว์น้ำ ถัดมา คือ มีผลิตภัณฑ์ที่นำพลาสติกมาใช้ประโยชน์เป็น Circular นำขยะที่แทบจะไม่มีมูลค่า มาสร้างมูลค่า และร่วมกับชุมชนในการทำประโยชน์สูงสุด ผลิตภัณฑ์ถือได้ว่าเป็น Green Product และ Circular Product ตอบโจทย์ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียวของประเทศไทย ด้าน “ผศ. ดร. สมหมาย ผิวสอาด”อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี อธิบายเพิ่มเติมว่า มหาวิทยาลัย ได้วิจัยและออกแบบนวัตกรรมในการนำขยะพลาสติกจากทะเลมาเป็นวัตถุดิบ ในวัสดุก่อสร้างโดยชุมชนสามารถผลิต เพื่อจำหน่ายได้เอง อาทิ กระเบื้องพื้นสนาม กระถางต้นไม้ สร้างรายได้ระยะยาว ผ่านการสนับสนุนจากเอกชน และความพร้อมของกลุ่มชุมชน
ทั้งนี้ อัตราส่วนการใช้พลาสติกหนึ่งชิ้นงาน ต้องใช้พลาสติก 5-10% เช่น บล็อก ปูพื้น 10 กก. ต้องใช้พลาสติก 0.5-1 กิโลกรัม ขึ้นอยู่กับความแข็งแรงและการประยุกต์ใช้งาน ความคุ้มค่าตั้งแต่เริ่มต้น เพราะพลาสติกเป็นสิ่งที่ต้องเสียเงินในการกำจัด การนำพลาสติกมาผสมทำเป็นชิ้นงาน ถือเป็น การลดต้นทุน ในส่วนของความแข็งแรง เป็นไปตามมาตรฐาน โครงการนี้จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง เพราะ นอกจากชิ้นงานจะมีน้ำหนักเบา เพราะพลาสติกความ หนาแน่นน้อย ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในการขนส่ง มีความคุ้มค่าและประยุกต์ใช้ได้จริงในเชิงอุตสาหกรรม โดยทางมหาวิทยาลัย จะทำการถ่ายทอดองค์ความรู้ให้แก่ชุมชน
“ฉัตรชัย เลื่อนผลเจริญชัย” ประธานบริหาร กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย กล่าวว่า ขยะพลาสติกที่เก็บได้จากชายทะเล มีตั้งแต่ถุงพลาสติก ขวด PE PET และ PP โดยเฉพาะประเภทมัลติเลเยอร์ พลาสติกเหล่านี้แช่อยู่ในทะเล ตกอยู่ในทราย เป็นเวลานาน คุณสมบัติบางอย่างสูญเสีย การนำไปใช้ใหม่ในฐานะพลาสติกทำได้ยาก แต่ก็มีคุณสมบัติที่สามารถใช้งาน ได้อยู่ โดยนำมาเป็นวัสดุก่อสร้าง ใช้งาน ได้จริง สามารถผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ จำหน่าย นำมาใช้ประโยชน์ได้
“ในปีที่ผ่านมา กลุ่มบริษัทดาว มุ่งมั่นผลักดันให้พลาสติก 1 ล้านตันจากทั่วโลก ให้ถูกเก็บกลับมาใช้ประโยชน์ หรือ รีไซเคิล ซึ่งโครงการ “ขยะทะเล…สู่…การเพิ่มรายได้ชุมชนระยอง” เป็นอีกหนึ่งในโครงการสำคัญที่จะนำผลงานด้านการศึกษาและงานวิจัยมาใช้ประโยชน์ได้จริง โดยการผสมพลาสติก มาใช้ในวัสดุก่อสร้าง เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ มีน้ำหนักเบา ช่วยระบายน้ำได้ดีขึ้น และลดการใช้วัสดุที่ใช้แล้วหมดไป หวังว่า เมื่อโครงการประสบความสำเร็จ จะขยายไปสู่ ชุมชนอื่น ในการต่อยอดการจัดการพลาสติกใช้แล้วอย่างยั่งยืน และเพิ่มรายได้ ชุมชนต่อไป”ฉัตรชัยกล่าวทิ้งท้าย
“ปีที่ผ่านมา กลุ่มบริษัทดาว มุ่งมั่นผลักดันให้พลาสติก1ล้านตันจากทั่วโลก ให้ถูกเก็บกลับมาใช้ประโยชน์”
2ชุมชนต้นแบบ แปลงขยะเป็นวัสดุ
“สำราญ ทิพย์บรรพต”ประธานวิสาหกิจชุมชนส่งเสริมอาชีพชุมชนเกาะกก ระบุว่า เกาะกก แต่เดิมเป็นวิสาหกิจชุมชนผลิตสินค้า เน้นการแปรรูปผลิตภัณฑ์ทางการ เกษตร สำหรับโครงการนี้ ถือว่า สามารถตอบโจทย์ทั้งด้านสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจ ในการสร้างงาน สร้างรายได้ สามารถผลิตสเกลเล็กๆ ได้ โดยบริษัทดาว เป็นตัวกลางให้ชุมชน เข้าถึงนวัตกรรมการจัดการขยะพลาสติก เพิ่มมูลค่า และส่งเสริมในทุกด้าน ทั้งงบประมาณ คำแนะนำ เครื่องจักร ทำให้ชุมชนสามารถยกระดับการจัดการขยะพลาสติกได้อย่างรูปธรรม สร้างรายได้จากผลผลิต นำผลการวิจัยไปใช้ประโยชน์ ด้าน “สายัณห์ รุ่งเรือง” ประธานชุมชนหมู่บ้านเอื้ออาทร จ.ระยอง (วังหว้า) เล่าว่า แต่เดิมชุมชนมีการ จัดตั้งธนาคารขยะ รับซื้อขยะทุกประเภททั้งขายได้ และขยะขายไม่ได้ เช่น มัลติเลเยอร์ ขวดสีต่างๆ นำมาแปรรูปทำผลิตภัณฑ์ต่างๆ ในชุมชน โครงการดังกล่าว ทำให้ชุมชนสามารถต่อยอด ทำผลิตภัณฑ์ใหม่ มีการทดสอบคุณภาพตามหลักวิชาการ เกิด ความเชื่อมั่นผู้บริโภค รู้คุณค่าขยะพลาสติก เกิดกลไก ที่ชุมชนเป็น ส่วนหนึ่งในการจัดการขยะพลาสติกอย่างยั่งยืน “ปัจจุบัน พบว่า คนไทยและต่างชาติ เริ่มตระหนักในด้านสิ่งแวดล้อมมากขึ้น อีกทั้ง ระยอง อยู่ในพื้นที่อีอีซี การขยายการก่อสร้างมีหลายหมู่บ้าน ชุมชน คาดว่าสินค้าดังกล่าวจะช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจและลดขยะพลาสติกใน สิ่งแวดล้อม สร้างงานกลุ่มสูงอายุ ผู้พิการ ได้ในอนาคต” สายัณห์ กล่าว