เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 21 ธ.ค. 2564
เมื่อเร็ว ๆ นี้ ศ.ดร.นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดเผยว่า มหกรรมดนตรี “อว. เทิดพระเกียรติ 5 ธันวาคม 2564 ธ สถิตในดวงใจ ไทยนิรันดร์” จัดโดยสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ได้ปิดฉากอย่างสมบูรณ์แล้ว เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยสถาบันการศึกษาทั่วประเทศ ได้ร่วมกันจัดงานกว่า 70 แห่ง ทุกภูมิภาคของประเทศ ตั้งแต่วันที่ 5 ธ.ค.เป็นต้นมา จัดเกือบทุกจังหวัด เพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระผู้ทรงเป็น “อัครศิลปิน” ที่ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อสถาบันอุดมศึกษาของประเทศ ขณะเดียวกันเป็นการส่งความสุขให้แก่พี่น้องประชาชนชาวไทย ทั้งนี้ตลอด 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ในพื้นที่ กทม. ได้จัดงานตั้งแต่ 5-19 ธ.ค. ใน 3 สถานที่ที่เป็นจุดรวมของคนจำนวนมากคือ สยามพารากอน ไอคอนสยามและเซ็นทรัลเวิลด์ ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม มีทั้งวงดนตรีสากล วงดนตรีไทย วงดนตรีเครื่องสายและการแสดงจาก 70 สถาบัน รวมนักดนตรีกว่าพันคนได้รับการตอบรับอย่างดีมาก ที่สำคัญถือเป็นการรวมตัวของสมาชิกชาว อว.ครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่ง ซึ่งต้องขอขอบคุณนิสิต นักศึกษานักเรียนโรงเรียนสาธิตรวมทั้งศิษย์เก่าของทุกสถาบันที่ได้ร่วมใจกันมาเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
“การตอบรับที่ดีครั้งนี้ไม่ใช่ในส่วนของประชาชนเท่านั้นแต่ยังเป็นการตอบรับที่ดีจากนิสิตนักศึกษาคณาจารย์ของแต่ละสถาบันที่ร้องขอว่าต่อไปในช่วงเทศกาลสำคัญต่าง ๆ ทุกคนพร้อมจะออกมาแสดงให้ประชาชนได้ชมในหลากหลายรูปแบบ ในฐานะที่ อว.กำกับดูแลมหาวิทยาลัยและสถาบันการศึกษา ภาคการวิจัยและนวัตกรรมของประเทศขอส่งความสุขให้แก่พี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศในปี 2564 เราผ่านสภาวะของโควิดมาสองปีแล้วช่วงนี้สถานการณ์ดีขึ้นแต่เรายังต้องระมัดระวังต่อไป แต่โดยภาพรวมเราอยู่ในช่วงที่จะทำให้ประเทศกลับมาเป็นปกติโดยเร็ว” ปลัด อว.กล่าว
สำหรับการแสดงในวันสุดท้ายคือวันที่ 19 ธ.ค. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ได้นำวงดนตรีไทย จากภาควิชานาฏดุริยางคศิลป์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ มาบรรเลงเพลงส่งท้าย ทั้งหมด 7 เพลง อาทิ การแสดงรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ เพลงโหมโรงมหาราช (วงปี่พาทย์ผสมเครื่องสาย) เพลงแขกขาว เถา (วงเครื่องสายเครื่องคู่) ซึ่งการแสดงในครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงความสามารถและความตั้งใจในการทำนุบำรุง สืบสานศิลปวัฒนธรรมประจำชาติของไทย และการรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงรัชกาลที่ 9 ให้ซาบซึ้งอยู่ในใจของผู้ที่ได้รับชม และรับฟัง.
