สยามรัฐ ฉบับวันที่ 13 ต.ค. 2565
วนมาบรรจบครบรอบอีกครั้ง กับวันคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร” (รัชกาลที่ 9) ผู้ซึ่งเปรียบเสมือน”พ่อของแผ่นดิน” เป็นวันที่คนไทยทั่วโลกต่างต้องหลั่งน้ำตากันอย่างไม่อายใครกับการสูญเสียคนที่รัก ที่ไม่มีวันหวนกลับ ซึ่งตรงกับวันที่13 ตุลาคม
การจากไปของพระองค์จะจากไป แต่เพียงพระวรกาย แต่สิ่งที่พระองค์ทรงได้กระทำไว้ให้กับคนไทยทุกคน ไม่เคยเลือนหายไปจากความทรงจำ และยังคงยึดเป็นแนวทางในการปฏิบัติตน อย่างที่พระองค์ทรงมอบไว้เป็นแนวทาง
ทั้งนี้ตลอดระยะเวลาที่พระองค์ทรงครองราชย์ ได้ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจต่างๆเพื่อให้ประชาชนได้อยู่ดี กินดี อาทิ “แนวทางเศรษฐกิจพอเพียง” ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนคุ้นหู เพราะเคยได้เรียนรู้ และเคยได้ยินกันบ่อยๆ แต่กลับมีน้อยคนที่จะเข้าใจหลักปรัชญา และการใช้ชีวิตแบบพอเพียงตามแบบอย่างที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงมีพระราชดำริไว้เป็นแนวทางการพัฒนาที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานทางสายกลาง ความไม่ประมาทไม่ฟุ่มเฟือย คำนึงถึงความพอประมาณความมีเหตุผล การสร้างภูมิคุ้มกันให้ตัวเอง ตลอดจนการใช้ความรู้และคุณธรรมเป็นพื้นฐานในการดำรงชีวิต โดยมีใจความสำคัญคือ สติ ปัญญาและความเพียร ซึ่งเป็นบันไดสู่ความสุขในการดำเนินชีวิตอย่างแท้จริง
เศรษฐกิจพอเพียงกับทฤษฎีใหม่ตามแนวพระราชดำริ : เศรษฐกิจพอเพียงและแนวทางปฏิบัติของทฤษฎีใหม่ เป็นแนวทางในการพัฒนาที่นำไปสู่ความสามารถในการพึ่งตนเองในระดับต่างๆ อย่างเป็นขั้นตอน โดยลดความเสี่ยงเกี่ยวกับความผันแปรของธรรมชาติ หรือการเปลี่ยนแปลงจากปัจจัยต่างๆ โดยอาศัยความพอประมาณและความมีเหตุผล การสร้างภูมิคุ้มกันที่ดี มีความรู้ ความเพียรและความอดทน สติและปัญญา การช่วยเหลือซึ่งกันและกันและความสามัคคี
ทฤษฎีใหม่ตามแนวพระราชดำริ : มีอยู่2 แบบคือ แบบพื้นฐานกับแบบก้าวหน้า ความพอเพียงในระดับบุคคลและครอบครัวโดยเฉพาะเกษตรกร เป็นเศรษฐกิจพอเพียงแบบพื้นฐานเทียบได้กับทฤษฎีใหม่ขั้นที่1 ที่มุ่งแก้ปัญหาของเกษตรกรที่อยู่ห่างไกลแหล่งน้ำ ต้องพึ่งน้ำฝนและประสบความเสี่ยงจากการที่น้ำไม่พอเพียง แม้กระทั่งสำหรับการปลูกข้าวเพื่อบริโภค และมีข้อสมมติว่า มีที่ดินพอเพียงในการขุดบ่อเพื่อแก้ปัญหาในเรื่องดังกล่าวจากการแก้ปัญหาความเสี่ยงเรื่องน้ำ จะทำให้เกษตรกรสามารถมีข้าวเพื่อการบริโภคยังชีพในระดับหนึ่งได้ และใช้ที่ดินส่วนอื่นๆ สนองความต้องการพื้นฐานของครอบครัว รวมทั้งขายในส่วนที่เหลือเพื่อมีรายได้ที่จะใช้เป็นค่าใช้จ่ายอื่นๆที่ไม่สามารถผลิตเองได้ ทั้งหมดนี้เป็นการสร้างภูมิคุ้มกันในตัวให้เกิดขึ้นในระดับครอบครัว
อย่างไรก็ตาม แม้กระทั่ง ในทฤษฎีใหม่ขั้นที่ 1 ก็จำเป็นที่เกษตรกรจะต้องได้รับความช่วยเหลือจากชุมชนราชการ มูลนิธิและภาคเอกชน ตามความเหมาะสม ความพอเพียงในระดับชุมชนและระดับองค์กร เป็นเศรษฐกิจพอเพียงแบบก้าวหน้าซึ่งครอบคลุมทฤษฎีใหม่ขั้นที่ 2 เป็นเรื่องของการสนับสนุนให้เกษตรกรรวมพลังกันในรูปกลุ่มหรือสหกรณ์ หรือการที่ธุรกิจต่างๆ รวมตัวกันในลักษณะเครือข่ายวิสาหกิจกล่าวคือเมื่อสมาชิกในแต่ละครอบครัวหรือองค์กรต่างๆมีความพอเพียงขั้นพื้นฐานเป็นเบื้องต้นแล้วก็จะรวมกลุ่มกันเพื่อร่วมมือกันสร้างประโยชน์ให้แก่กลุ่มและส่วนรวมบนพื้นฐานของการไม่เบียดเบียนกัน การแบ่งปันช่วยเหลือซึ่งกันและกันตามกำลังและความสามารถของตนซึ่งจะสามารถทำให้ชุมชนโดยรวมหรือเครือข่ายวิสาหกิจนั้นๆเกิดความพอเพียงในวิถีปฏิบัติอย่างแท้จริง
อีกสิ่งหนึ่งที่พระองค์ทรงมีความสามารถที่เกี่ยวกับการสื่อสาร โดยเปรียบเสมือน”พระบิดาแห่งวงการสื่อสารไทย” ซึ่งอย่างที่ทราบกันเป็นอย่างดีว่าทุกพระราชกรณียกิจที่ พระองค์ได้ทรงทำนั้นไม่ได้ทำเพียงเพื่อตัวของพระองค์เอง แต่พระองค์ทรงทำเพื่อพสกนิกรชาวไทยของพระองค์ ให้มีชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นด้วยอัฉริยะภาพของพระองค์ได้เล็งเห็นความสำคัญในการใช้เครื่องมือสื่อสารและเทคโนโลยี
1.วิทยุสื่อสาร มีการพัฒนาด้านระบบวิทยุสื่อสาร ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น พระองค์ทรงใช้เครื่องมือสื่อสารพกติดพระองค์ เพื่อประกอบพระราชกรณียกิจต่างๆ และรับสั่งผ่านทางวิทยุถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตัวอย่างเช่นการปฏิบัติการฝนเทียมในระยะแรก ได้ประสบปัญหาเรื่องสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง โดยไม่ทราบล่วงหน้า การที่ยังไม่มีการติดต่อสื่อสารระหว่างผู้ปฏิบัติการด้วยกันส่งผลให้การปฏิบัติงานไม่ได้ผลเท่าที่ควรและเมื่อพระองค์ทรงทราบถึงปัญหาการขาดการติดต่อสื่อสารที่ดี จึงโปรดเกล้าฯ ให้ติดตั้งวิทยุให้แก่หน่วยปฏิบัติการฝนเทียมทั้งทางอากาศและทางภาคพื้นดิน
2.วิทยุกระจายเสียง ในปี พ.ศ.2495 พระองค์ได้ทรงตั้งสถานีวิทยุอ.ส.ขึ้นที่พระราชวังสวนดุสิต และชื่อสถานีวิทยุดังกล่าวได้ทรงนำมาจากอักษรย่อของพระที่นั่งอัมพรสถานซึ่งเป็นสถานที่ที่ใช้ออกอากาศครั้งแรก ต่อมา
จึงย้ายสถานีวิทยุ อ.ส.เข้าไปตั้งในบริเวณพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน เพื่อเปิดโอกาสให้พสกนิกรมีช่องทางในการติดต่อกับพระองค์ได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องผ่านกระบวนการขั้นตอนตามพิธีการเหมือนในสมัยก่อน ทรงใช้สถานีวิทยุเพื่อเป็นสื่อในการประชาสัมพันธ์ติดต่อข่าวสารกับประชาชนและเป็นสื่อสัมพันธ์ระหว่างพระองค์และประชาราษฎร์
“เมื่อเกิดวาตภัยที่แหลมตะลุมพุกในปีพ.ศ.2505 โดยมีพระราชดำริให้ใช้สถานีวิทยุอ.ส.เพื่อทำหน้าที่เป็นสื่อกลางในการช่วยเหลือผู้ประสบเคราะห์กรรมจนเป็นบ่อเกิดของมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ นโยบายหลักเกี่ยวกับการบริหารงานของสถานีตามที่พระองค์พระราชทานไว้ก็คือ การเปิดโอกาสให้คนที่มีความรู้ ความสามารถ ไม่ว่าจะเป็นหน่วยราชการหรือเอกชนได้เข้ามาสนองพระมหากรุณาธิคุณให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ดังนั้นเจ้าหน้าที่ของสถานีจึงเป็นอาสาสมัครทั้งสิ้น และทรงรับภาระต่างๆ ด้านสถานีด้วยทุนทรัพย์ส่วนพระองค์ พระองค์ทรงใช้นโยบายประหยัดและใช้ประโยชน์ให้คุ้มค่าที่สุด”
3.คอมพิวเตอร์ ในปี พ.ศ.2529 ม.ล.อัศนีปราโมช องคมนตรีได้ซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์แมคอินทอชพลัสซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์ที่ทันสมัยที่สุดในยุคนั้นขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายพระองค์ท่าน จึงทรงใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ด้วยพระองค์เองเป็นครั้งแรก ในเวลาต่อมาพระองค์ ไม่เพียงแต่ทรงงานด้วยคอมพิวเตอร์เท่านั้น หากแต่ทรงสนพระทัยในการศึกษาเทคนิคการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ชนิดต่างๆ บางครั้งได้ทรงเปิด
เครื่องออกดูระบบภายในเครื่องด้วยพระองค์เองทรงปรับปรุงซอฟต์แวร์ใหม่ขึ้นมาใช้เอง และบางครั้งทรงแก้ไขปรับปรุงซอฟต์แวร์ในเครื่องเช่น โปรแกรมภาษาไทย CU Writer ให้เป็นไปตามพระราชประสงค์ นอกจากนี้พระองค์ทรงเล็งเห็นถึงความสำคัญของการสื่อสารว่า การสื่อสารเป็นปัจจัยสำคัญในการดำเนินธุรกิจทุกประเภท, การสื่อสารเป็นหัวใจของความมั่นคงของประเทศ และการสื่อสารเป็นองค์ประกอบที่สำคัญยิ่งในการพัฒนาประเทศให้ประชาชนอยู่ดีกินดี
4.ดาวเทียม ดาวเทียมไทยคม คือจุดเปลี่ยนที่ทำให้การสื่อสารโทรคมนาคมของไทยก้าวสู่ยุคแห่งความล้ำหน้า มีการนำดาวเทียมไทยคม เข้าไปใช้ในกิจการด้านการเรียนการสอนเป็นการสนองตอบความต้องการของประชาชนและเป็นการปรับปรุงในเรื่องของการศึกษาให้สอดคล้องกับยุคสมัย กล่าวได้ว่า พระองค์ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณเป็นอเนกอนันต์ต่อประเทศชาติ ที่ได้มีพระราชดำริให้มีการพัฒนางานทางระบบวิทยุสื่อสารขึ้นในประเทศอย่างจริงจังและต่อเนื่อง เพราะสังคมปัจจุบันนั้นการสื่อสารก็เปรียบเสมือนกับระบบประสาทของร่างกายมนุษย์ ดังนั้นจึงนับได้ว่า พระองค์ท่านนั้นมีสายพระเนตรที่ยาวไกลทรงเห็นบทบาทที่สำคัญยิ่งต่อการสื่อสาร
5.ตรวจสภาวะอากาศผ่านระบบอินเตอร์เน็ตเมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2538 ได้เกิดเหตุไต้ฝุ่นแองเจลา (Angela) ทำความเสียหายให้กับประเทศฟิลิปปินส์ และคาดว่าจะเข้าสู่ประเทศไทยในเวลาต่อมาทางกรมอุตุนิยม วิทยาได้แจ้งเตือนประชาชนชาวไทยให้เตรียมระวังอันตรายที่เกิดขึ้นในวันที่20 กรกฎาคม พ.ศ.2549 วันที่พระองค์กำลังเข้าห้องผ่าตัดกระดูกสันหลังในอีก 5 ชั่วโมงทรงรับสั่งให้ข้าราชบริพารไปติดตั้งเดินสายระบบออนไลน์ไว้ เพราะกำลังมีพายุเข้าประเทศพระองค์จะได้ติดตามความเคลื่อนไหวนี้อยู่ตลอดเวลาได้พระราชทานความเห็นว่าไม่ควรตระหนกแต่อย่างใดเนื่องจากไต้ฝุ่นได้อ่อนกำลังลงเมื่อเคลื่อนที่เข้าสู่ประเทศเวียดนาม และได้แปรสภาพเป็นความกดอากาศขนาดย่อมเท่านั้น
6.พระไตรปิฎกฉบับคอมพิวเตอร์ โครงการพระไตรปิฎกฉบับคอมพิวเตอร์เป็นหนึ่งในโครงการพระราชดำริ เพื่อทำให้การศึกษาพระไตรปิฎกและชุดอรรถกถา เป็นไปอย่างสะดวกรวดเร็วและแม่นยำ รวมทั้งยังสะดวกต่อการเผยแพร่อีกด้วย เมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ.2534 พระองค์ทรงกรุณาโปรดเกล้าฯ บริจาคทรัพย์ส่วนพระองค์ ให้กับมหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อจัดทำโครงการพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์เพื่อการศึกษาพระไตรปิฎกและอรรถกถา ในชื่อBUDSIR IV
7.ส.ค.ส.พระราชทานด้วยคอมพิวเตอร์ทรงใช้เครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อประดิษฐ์บัตรส.ค.ส.พระราชทานพรแก่พสกนิกรชาวไทย ในโอกาสวันขึ้นปีใหม่เป็นประจำทุกปีเมื่อเทคโนโลยีพัฒนาขึ้น จึงได้ทรงเริ่มต้นประดิษฐ์ ส.ค.ส.พระราชทาน ด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนพระองค์ เมื่อปี พ.ศ.2531 โดยทรงพิมพ์ด้วยเครื่องพิมพ์ขาวดำ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้โทรสาร (แฟกซ์) พระราชทานไปยังหน่วยงานต่างๆ โดยข้อความในส.ค.ส.พระราชทานแต่ละปีจะประมวลขึ้นจากเหตุการณ์บ้านเมือง เพื่อสะท้อนให้เห็นปัญหา และอุปสรรคต่างๆ ที่ประเทศไทยต้องประสบในรอบ1 ปีที่ผ่านมา ในปีต่อๆมาหนังสือพิมพ์รายวันได้นำลงตีพิมพ์ ในฉบับเช้าวันที่ 1 มกราคมเพื่อให้พสกนิกรได้ชื่นชมอย่างทั่วถึง
อีกพระราชกรณียกิจในเรื่องของการยกระดับการเดินทางโดยนับเป็นประวัติศาสตร์ชาติไทยได้จารึกถึงพระราชกรณียกิจของพระมหากษัตริย์ไทยที่สนพระราชหฤทัยระบบขนส่งมวลชนขนาดใหญ่ คือ รถไฟฟ้าใต้ดิน เพื่อแก้ปัญหาจราจรอย่างเป็นรูปธรรมซึ่งพระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิด “การเดินรถโครงการ “รถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล (หัวลำโพง-บางซื่อ)” ที่สถานีรถไฟฟ้าหัวลำโพงซึ่งพระองค์ทรงประทับรถไฟฟ้าพระที่นั่งขบวนที่1 หมายเลขตู้รถไฟฟ้าพระที่นั่ง 1014 โดยประทับยังที่นั่งผู้โดยสารปกติตั้งแต่สถานีรถไฟฟ้าหัวลำโพงไปยังสถานีรถไฟฟ้าบางซื่อ และกลับมายังศูนย์ซ่อมบำรุงฯ รวมระยะทาง 29 กิโลเมตร และ ณ ที่ศูนย์ซ่อมบำรุงฯ พระองค์ทรงสนพระราชหฤทัยหลายเรื่อง เช่นการคืนผิวหลังการก่อสร้างเสร็จ สภาพถนนดีกว่าเดิมหรือไม่ การก่อสร้างที่สถานีสีลมที่ต้องตัดตอม่อสะพานข้ามทางแยกแล้วสร้างตอม่อใหม่บนหลังคาสถานี รวมถึงการแก้ปัญหาจราจรเนื่องจากระยะทางหัวลำโพง-บางซื่อ เป็นระยะทางที่สั้นเพียง 20 กม.เท่านั้น รวมถึงยังทรงซักถามถึงขั้นตอนการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ควบคุมการเดินรถไฟฟ้า และราคาค่าโดยสารที่จะต้องไม่ทำให้คนไทยเดือดร้อน
พระราชกรณียกิจ “โครงการชั่งหัวมันตามพระราชดำริ” ตั้งอยู่ใน อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรีเกิดขึ้นจากความเอาพระทัยใส่ของพระองค์ ที่ทรงมีต่อเกษตรกรในการที่จะพัฒนาส่งเสริมอาชีพเกษตรกรรมให้ประสบความสำเร็จและสามารถเลี้ยงดูตัวเอง และครอบครัวได้อย่างยั่งยืน ทั้งนี้โครงการตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขา ในพื้นที่แห่งนี้สภาพเดิมโดยทั่วไปแห้งแล้งเจ้าของเดิมปลูกต้นยูคาลิปตัสตัดไม้ขาย มีแปลงปลูกมะนาวเดิมอยู่ประมาณ35ไร่แปลงอ้อยประมาณ30ไร่การพัฒนาพื้นที่ส่วนที่เป็นแปลงยูคาลิปตัสทั้งหมด แต่ปัจจุบันได้ จัดสรรทำการเกษตรเป็นอย่างดีมีทั้งแปลงพืชเศรษฐกิจที่ปลูกหลายชนิด อาทิ สับปะรด มะนาว มะพร้าว รวมทั้งมันเทศนอกเหนือจาก พืชเศรษฐกิจในพื้นที่ ก็ยังมีการปลูกไม้ผล พืชไร่ และพืชผักต่างๆ อาทิแก้วมังกร ชมพู่เพชร กล้วย ฟักทอง กะเพราโหระพา พริก ฯลฯ มีแปลงปลูกข้าว ทั้งข้าวเจ้าและข้าวเหนียว ปลูกยางพารา โดยทั้งหมดนี้จะเน้นไม่ให้มีการใช้สารเคมี หรือหากต้องใช้ก็ต้องมีในปริมาณ ที่น้อยที่สุด มีฟาร์มโคนมฟาร์มไก่ และแปลงเกษตรที่จัดเป็นสวยสวยให้คนที่แวะมาเยี่ยมชม
นอกจากนี้ได้สร้างกังหันลมผลิตไฟฟ้าขายให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคโดยมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี และบริษัทพระพายเทคโนโลยี จำกัด ร่วมกันออกแบบติดตั้ง กังหันลมและระบบจำหน่ายไฟฟ้าจำนวน 20 ชุดขนาดกำลังผลิตรวม 50 KW ได้รับการสนับสนุนงบประมาณบางส่วนจากกองทัพบกและได้รับพระราชทานวัวนมจากโครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดามาเลี้ยงไว้ที่นี่ โดยใช้พื้นที่ใต้กังหันลมเป็นพื้นที่ปลูกหญ้าสำหรับเลี้ยงวัว
ส่งท้ายกับพระราชกรณียกิจ “โครงการพระราชดำริฝนหลวง” เป็นโครงการที่ก่อกำเนิดจากพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ที่ทรงห่วงใยในความทุกข์ยากของพสกนิกรในท้องถิ่นทุรกันดาร ซึ่งต้องประสบปัญหาขาดแคลนน้ำเพื่ออุปโภคบริโภค และใช้ในการเกษตรกรรมอันเนื่องมาจากภาวะแห้งแล้งที่มีสาเหตุจากความผันแปร และคลาดเคลื่อนของฤดูกาลตามธรรมชาติ คือ ฤดูฝนเริ่มต้นล่าช้าเกินไป หรือหมดเร็วกว่าปกติ หรือฝนทิ้งช่วงยาวในช่วงฤดูฝน สร้างความเดือดร้อนให้แก่ราษฎรในทุกภาคของประเทศ ส่งผลถึงความเสียหายต่อเศรษฐกิจโดยรวมของชาติคิดเป็นมูลค่ามหาศาลในแต่ละปีทั้งนี้ระหว่างทางที่เคยเสด็จพระราชดำเนินทั้งภาคพื้นดิน และทางอากาศยานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสังเกตเห็นว่ามีเมฆปริมาณมากปกคลุมท้องฟ้า แต่ไม่สามารถก่อรวมตัวกันจนเกิดเป็นฝนได้ เป็นเหตุให้เกิดภาวะฝนทิ้งช่วงระยะยาวทั้งๆ ที่เป็นช่วงฤดูฝนทรงคิดคำนึงว่า น่าจะมี “มาตรการทางวิทยาศาสตร์” ที่จะช่วยให้เมฆเหล่านั้นก่อรวมตัวกันจนเกิดเป็นฝนได้ ทรงเชื่อมั่นว่า ด้วยลักษณะของกาลอากาศ ภูมิอากาศ และภูมิประเทศของประเทศไทย ซึ่งตั้งอยู่ในภูมิภาคเขตร้อน และอยู่ในอิทธิพลของฤดูมรสุมของทวีปเอเชีย โดยเฉพาะฤดูมรสุมตะวันตก เฉียงใต้ ซึ่งเป็นฤดูฝน และเป็นฤดูเพาะปลูกประจำปีของประเทศไทย จะสามารถดัดแปรสภาพอากาศ ให้เกิดเป็นฝนตกได้
ดังนั้นตั้งแต่ พ.ศ.2498 เป็นต้นมาพระองค์ทรงศึกษาจนทรงมั่นพระทัย ก่อนพระราชทานแนวคิดนี้แก่ ม.ร.ว.เทพฤทธิ์เทวกุล ผู้เชี่ยวชาญในการวิจัยประดิษฐ์ทางด้านเกษตรวิศวกรรมของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในขณะนั้น และในปีถัดมา ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้หาลู่ทางที่จะทำให้เกิดการทดลองปฏิบัติการบนท้องฟ้ากระทั่งในปี พ.ศ.2512 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้จัดตั้งหน่วยบินปราบศัตรูพืชกรมการข้าว เพื่อให้การสนับสนุนในการสนองพระราชประสงค์ โดยในปีเดียวกันนั้นเองทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ทำการทดลองปฏิบัติการจริงในท้องฟ้าเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 1-2 กรกฎาคม พ.ศ.2512 โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แต่งตั้งให้ม.ร.ว.เทพฤทธิ์ เทวกุล เป็นผู้อำนวยการโครงการและหัวหน้าคณะปฏิบัติการทดลองคนแรกและเลือกพื้นที่วนอุทยานเขาใหญ่เป็นพื้นที่ทดลองแห่งแรก
ต่อมาได้มีปฏิบัติการโดยทดลองหยอดก้อนน้ำแข็งแห้ง ขนาดไม่เกิน 1 ลูกบาศก์นิ้วเข้าไปในยอดเมฆสูงไม่เกิน 10,000 ฟุตที่ลอยกระจัดกระจายอยู่เหนือพื้นที่ทดลองในขณะนั้นทำให้กลุ่มเมฆทดลองเหล่านั้น มีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดจนเกิดการกลั่นรวมตัวกันหนาแน่น และก่อยอดสูงขึ้นเป็นเมฆฝนขนาดใหญ่ในเวลาอันรวดเร็วแล้ว และจากการติดตามผลโดยการสำรวจทางภาคพื้นดิน ก็ได้รับรายงานยืนยันจากราษฎรว่า เกิดฝนตกลงสู่พื้นที่บริเวณวนอุทยานเขาใหญ่ในที่สุด การทดลองดังกล่าวจึงเป็นนิมิตหมายที่ดี ที่บ่งชี้ให้เห็นว่า การบังคับเมฆให้เกิดฝนเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ และความสำเร็จดังกล่าว ยังส่งผลให้มีการพัฒนาปรับปรุง และต่อยอดโครงการฝนหลวงมาจนถึงปัจจุบัน
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงเศษเสี่ยวหนึ่งที่พระองค์ได้ทรงพระราชทานให้ไว้กับพสกนิกรของพระองค์ให้ได้มีชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งถึงแม้พระองค์จะทรงจากไป แต่พระองค์ก็ยังสถิตในดวงใจของคนไทยทุกคน