ไทยโพสต์ ฉบับวันที่ 20 ธ.ค. 2565
กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา(กสศ.) ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(สอศ.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม(อว.) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยสถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ มูลนิธิเครือข่ายพยาบาลชุมชน และ สถาบัน ORYGEN ประเทศออสเตรเลีย ร่วมจัดประชุมวิชาการทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูง ปี 2565 “สร้างคน สร้างโอกาส สร้างงาน ด้วยการศึกษาสายอาชีพ” เพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ประสบการณ์ และการพัฒนาข้อเสนอเชิงนโยบาย เกี่ยวกับการพัฒนากำลังคนสายอาชีพและสร้างโอกาสทางการศึกษาให้เยาวชนด้อยโอกาสได้เรียนต่อสายอาชีพชั้นสูง
เรืออากาศโทสมพร ปานดำ รองเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กล่าวว่า สอศ.ทำงาน ร่วมกับสถานศึกษาอาชีวศึกษาและสายอาชีพทั้งภาครัฐและเอกชนจากทุกสังกัด สอศ. และ อว. ขับเคลื่อนนโยบายร่วมกับ กสศ. และภาคีเครือข่าย เพื่อให้เกิดภาพใน 2 ด้าน คือ 1.การขยายทุนการศึกษาแก่เยาวชนผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์และด้อยโอกาสที่กว้างขวางขึ้น เพิ่มเติมจากที่ กสศ. สนับสนุนตัวแบบได้เพียง 1% ต่อรุ่น หรือจำนวน 2,500 ทุนต่อปี 2.การส่งเสริมผู้บริหาร ครู และสถานศึกษาอาชีวศึกษาในการดูแลเยาวชนครอบคลุมทุกมิติ ได้แก่ การศึกษา สุขภาพจิตใจ อาชีพ และโอกาสการมีงานทำ ทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูงเป็นอีกช่องทางสำคัญในการสร้างโอกาสทางการศึกษาให้แก่เยาวชนที่ยากจนและด้อยโอกาส และการผลิตกำลังคนที่สร้างความเข้มแข็งให้กับภาคการผลิตและภาคธุรกิจ เพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ที่จะช่วยแก้ไขปัญหาความยากจนและความเหลื่อมล้ำทางรายได้
ดร. ไกรยส ภัทราวาท ผู้จัดการกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) กล่าวว่า โครงการดังกล่าว ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2562 มีจำนวนนักศึกษาทุนสะสม 9,614 คน สำเร็จการศึกษาแล้ว 3,056 คน ปีการศึกษา 2566 เปิดรับสมัครจำนวน 2,500 ทุน เข้าศึกษาต่อในสถานศึกษาอาชีวศึกษา วิทยาลัยชุมชน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล และสถาบันเทคโนโลยีจิตรลดาและอื่นๆ ที่เปิดสอนนระดับ ปวช. ปวส. อนุปริญญา และ ประกาศนียบัตร 116 แห่ง ใน 44 จังหวัด รวมกว่า 30 สาขา
“กสศ.ยังจัดสรรงบประมาณให้สถานศึกษา พัฒนาระบบดูแลนักศึกษาและการป้องกันการหลุดออกจากระบบการศึกษา พัฒนาแบบหลักสูตรที่เป็นนวัตกรรม เช่น การพัฒนาระบบเสริมสร้างทักษะชีวิต ดูแลช่วยเหลือนักศึกษา โดยร่วมมือกับกรมสุขภาพจิต ถือเป็น 1 ในนวัตกรรม เพื่อเสริมสร้างทักษะชีวิตเยาวชน ให้เกิดพฤติกรรมและอารมณ์ที่เหมาะสม พร้อมรับมือต่อปัญหา ผ่านการพัฒนาครูให้มีศักยภาพในการเป็นที่ปรึกษา ให้ครูสามารถ
จัดกิจกรรมเสริมสร้างทักษะชีวิตแก่นักศึกษา และการเชื่อมโยงเข้ากับเครือข่ายสุขภาพจิตและผู้เชี่ยวชาญในพื้นที่ มีระบบส่งต่อเป็นรายกรณี เป็นการเชื่อมการศึกษาและระบบสุขภาพ” ดร. ไกรยส กล่าว