รพ.จุฬาฯ-ศิริราชร่วมเป็นเจ้าภาพสวดพระบรมศพ

มติชน ฉบับวันที่ 02 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560
‘รพ.จุฬาฯ-ศิริราชปิยมหาราชการุณย์’ร่วมเป็นเจ้าภาพบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ รัชกาลที่ 9 ‘อาสา สารสิน’ถวายภัตตาหารเพล
รพ.จุฬา-ศิริราชร่วมเป็นเจ้าภาพ
เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชานุญาตให้ราชสกุล องคมนตรี คณะรัฐมนตรี กระทรวง ทบวง กรม องค์กรอิสระ รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชน ร่วมเป็นเจ้าภาพในการบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง เป็นวันที่ 56 โดยจัดแบ่งเป็น 4 รอบ คือ 10.00 น., 14.00 น., 17.00 น. และ 19.00 น. รอบละ 11 คณะ คณะละ 50 คน อาทิ ฝ่ายวิสัญญีวิทยา โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โรงพยาบาลศิริราชปิยมหาราชการุณย์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล สมาคมวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร ในพระบรมราชูปถัมภ์ คณะสกุลกุลละวณิชย์ สภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์ นักศึกษาหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่นที่ 49 บริษัท เอสพีจีซี จำกัด (มหาชน) บริษัท สยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด บริษัท สยามคูโบต้า ลีสซิ่ง จำกัด มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี จ.ปทุมธานี มหาวิทยาลัยปทุมธานี มหาวิทยาลัยอีสเทิร์นเอเชีย มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ จ.ปทุมธานี มหาวิทยาลัยราชพฤกษ์และสถาบันในเครือตั้งตรงจิตร มหาวิทยาลัยศรีปทุม มหาวิทยาลัยเฉลิมกาญจนา วิทยาลัยเทคโนโลยียานยนต์
‘อาสา สารสิน’ปธ.บำเพ็ญกุศล
เวลา 10.00 น. นายอาสา สารสิน ประธานกรรมการบริษัท ผาแดงอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) เป็นประธานบำเพ็ญกุศลและถวายภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์ 10 รูป จากวัด เสนาสนาราม วัดโตนดเตี้ย วัดชัยมงคล วัดลาดระโหง วัดพระขาว จาก จ.พระนคร ศรีอยุธยา วัดสาลี วัดแค วัดสำประซิว วัดเถรพาย จาก จ.สุพรรณบุรี และวัดประชาสรรค์ จ.นครสวรรค์ ที่สวดพระพุทธมนต์พระบรมศพ
เวลา 14.30 น. นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะนายกสมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนตราษตระการคุณ จ.ตราด เป็นประธานในพิธีบำเพ็ญกุศล โดยมีพระสงฆ์ 10 รูป จากวัดหนองจรเข้ จ.ปราจีนบุรี วัดประชาสรรค์ จ.นครสวรรค์ วัดนกกระจาบ วัดม่วงหวาน วัดธรรมโชติการาม วัดโพธิ์ วัดพระขาว วัดพิกุล วัดไผ่ล้อม จาก จ.พระนครศรีอยุธยา ที่สวดมาติกาและสดับปกรณ์บำเพ็ญกุศลอุทิศถวายพระบรมศพ
เวลา 17.00 น. นายไพรัช มณฑาพันธุ์ นายกสมาคมนักเรียนเก่าราชวินิต เป็นประธานพิธีบำเพ็ญกุศล โดยมีพระสงฆ์ 10 รูป จากวัดวีระโชติธรรมาราม จ.ฉะเชิงเทรา วัดหนามแดง วัดบางโฉลงใน วัดศรีวารีน้อย จ.สมุทรปราการ วัดจระเข้ใหญ่ จ.สุพรรณบุรี และวัดม่วงแค สวดมาติกาและสดับปกรณ์บำเพ็ญกุศลอุทิศถวายพระบรมศพ
เวลา 19.00 น. นายวิจิตร ศรีสอ้าน นายกสภามหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ เป็นประธานบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ โดยมีพระพิธีธรรม 8 รูป จากวัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหารและวัดจักรวรรดิราชาวาสวรมหาวิหาร สวดพระอภิธรรม
ทั้งนี้ สำนักพระราชวังสรุปยอดรวมประชาชนที่เดินทางมาสักการะพระบรมศพ เมื่อวันที่ 31 มกราคม หลังปิดไม่ให้ประชาชนเข้าพระบรมมหาราชวังเวลา 21.05 น. ว่า มีจำนวนทั้งสิ้น 32,361 คน รวม 90 วัน มี 3,937,475 คน และมีประชาชนถวายเงินเพื่อร่วมบำเพ็ญพระราชกุศลเป็นเงิน 3,115,309.25 บาท รวม 90 วัน เป็นเงินทั้งสิ้น 332,155,087.34 บาท
พระราชทานอาหาร-น้ำดื่มพสกนิกร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่เต็นท์อาหารพระราชทานของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งตั้งอยู่บริเวณหน้าประตูศรีสุนทร ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งเป็นประตูทางออกของพสกนิกรหลังกราบสักการะพระบรมศพ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้หน่วยทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ฯ นำอาหาร ขนม ของว่าง และน้ำดื่มพระราชทานมาแจกจ่ายให้ประชาชน โดยแบ่งเป็นมื้อเช้าเวลา 07.00 น. ข้าวเหนียวหมูเค็ม-หมูหวาน 1,500 ชุด, นมหนองโพ 2,000 กล่อง มื้อกลางวัน 11.00 น. ข้าวผัดทะเล 1,500 ชุด, หมี่ซั่วซี่โครงหมูอบเห็ดหอม 1,500 ชุด มื้อบ่าย 16.00 น. ขนมไทย 1,000 กล่อง เฉาก๊วย 1,000 ถุง มื้อเย็น 18.00 น. ข้าวผัดพริกหยวกไก่ 1,000 กล่อง, ข้าวผัดพริกแกง 1,000 กล่อง, ข้าวไก่กระเทียม 1,000 กล่อง และมีน้ำสมุนไพร 700 ลิตร น้ำเก๊กฮวย 100 ลิตร และน้ำกระเจี๊ยบ 100 ลิตร พร้อมน้ำดื่มให้บริการตลอดทั้งวัน
ปชช.ร่วมกราบพระบรมศพร.9
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบรรยากาศการ กราบสักการะพระบรมศพเบื้องหน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ดำเนินมาเป็นวันที่ 91 มีประชาชนจากทั่วทุกภูมิภาคของประเทศยังเดินทางมาต่อแถวอย่างต่อเนื่อง โดยนายดาบตำรวจ สมชัย โฉมงาม อายุ 68 ปี ราษฎรพิทักษ์ป่าเพื่อรักษาชีวิตและผู้นำองค์กรลูกเสือชาวบ้านกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ เดินทางมาสักการะ พระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เป็นครั้งที่ 9 ซึ่งครั้งนี้ได้นำรูปภาพไม้จันทน์หอมต้นที่ 1 จากอุทยานแห่งชาติกุยบุรี ที่ใช้ในการสร้างพระเมรุมาศมาด้วย เปิดเผยว่า ตั้งใจจะเดินทางมาสักการะพระบรมศพอีกหากมีโอกาสและจะเดินทางมาจนกว่างานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพจะเสร็จสิ้น โดยซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่มีต่อประชาชนชาวไทย ซึ่งในพื้นที่กุยบุรี พระองค์มีพระราชดำริให้สร้างอ่างเก็บน้ำถึง 3 แห่ง คือ อ่างเก็บน้ำยางชุม อ่างเก็บน้ำวังเต็น และอ่างเก็บน้ำยันซิว และพระองค์ยังได้มีพระราชดำริให้นำพื้นที่ป่าในพื้นที่กุยบุรีที่ถูกบุกรุกมาจัดตั้งเป็นหมู่บ้านรวมไทยให้ชาวบ้านได้มีที่ อยู่อาศัยและทำกินพร้อมทั้งโครงการฟื้นฟูป่าและจัดพื้นที่อนุรักษ์ช้างป่าด้วย ซึ่งพระองค์ ให้ความสำคัญเรื่องสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมาก
“ผมได้เคยมีโอกาสรับเสด็จในหลวง ร.9 ครั้งที่พระองค์เสด็จฯมาเยี่ยมเยือนราษฎรชาวกุยบุรี ช่วงปี 2523 และได้รับพระราชทานของจากพระหัตถ์ของพระองค์ เป็นสิ่งประทับใจที่สุดในชีวิต ทั้งนี้ โครงการในพระราชดำริของพระองค์กว่า 4 พันโครงการ เป็นโครงการที่ให้ประโยชน์ และควรมีการเรียนรู้ต่อยอด ซึ่งผมจะพยายามศึกษาและนำความรู้มาถ่ายทอดให้เยาวชนรุ่นหลังได้เรียนรู้และสืบสานตามพระราชปณิธานของพระองค์ โดยส่วนตัวน้อมนำแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน ทั้งการปลูกพืชผักกินเอง และการใช้จ่ายประหยัดไม่ฟุ่มเฟือย” นายดาบตำรวจ สมชัยกล่าว
เพชรบูรณ์เหมารถตู้มาทั้งครอบครัว
นางไพรินทร์ แจ้งภูเขียว อายุ 50 ปี กล่าวว่าเดินทางมาจากจังหวัดเพชรบูรณ์ พร้อมด้วยญาติๆ รวมทั้งหมด 7 คน โดยเช่ารถตู้ออกเดินทางมาตั้งแต่เวลา 06.00 น. เมื่อมาถึงบริเวณสนามหลวงรอไม่นานนักก็ได้เข้ากราบสักการะพระบรมศพ เบื้องหน้าพระบรมโกศ พร้อมตั้งจิตขอให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เสด็จสู่สวรรคาลัย ส่วนตัวเองจะขอคิดดี ทำดี และเป็นประชาชนที่ดีของประเทศ
“ตอนพระองค์ท่านยังมีพระชนม์ชีพอยู่ไม่เคยมีโอกาสรับเสด็จพระองค์ท่านแต่ก็รับรู้ถึงการทรงงานของพระองค์ท่านมาตลอด ประทับใจทุกๆ อย่างที่พระองค์ทรงทำ เพื่อคนไทย อย่างที่เพชรบูรณ์เมื่อก่อนชาวเขาปลูกฝิ่นกันมาก พระองค์ท่านก็ทรงเข้าไปดูแลและพระราชทานคำแนะนำให้ชาวบ้านเลิกปลูกฝิ่นแล้วหันมาปลูกสตรอเบอรี่พันธุ์พระราชทานแทนทำให้ชาวบ้านมีรายได้เพิ่มขึ้นและมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และจากที่เห็นพระองค์ท่านทรงงานมาตลอดตัวเราเองจึงยึดพระองค์ท่านเป็นแบบอย่างในทุกๆ เรื่อง โดยเฉพาะเศรษฐกิจพอเพียงด้วยการทำไร่นาสวนผสมในบริเวณบ้านที่ จ.เพชรบูรณ์ ทั้งเลี้ยงปลา ปลูกผักและผลไม้ไว้กินเอง แต่หากพอมีเหลือก็จะขายบ้าง” นางไพรินทร์กล่าว
อาชีวะน้อมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย
นายเอกอนันต์ ดอกม่วง หัวหน้าอาจารย์ประจำแผนกช่างยนต์ วิทยาลัยการอาชีพปากช่อง จ.นครราชสีมา นำคณะนักเรียนชั้น ปวช. ปี 3 แผนกช่างยนต์ จำนวน 45 คน และคณะครู 5 คน มากราบสักการะพระบรมศพ โดยออกเดินทางด้วยรถทัวร์ตั้งแต่เวลา 04.00 น. มาถึงบริเวณสนามหลวงประมาณ 08.30 น. และได้ขึ้นไปกราบสักการะพระบรมศพประมาณ 10.00 น.
“ครั้งนี้นับเป็นครั้งหนึ่งในชีวิตที่มีโอกาสได้ใกล้ชิดพระองค์มากที่สุด ขอให้พระองค์ท่านเสด็จสู่สวรรคาลัย ผมจะจดจำคำสอนไปปฏิบัติตาม ซึ่งผมเป็นครูเป็นแม่พิมพ์ของชาติมีหน้าที่ถ่ายทอดความรู้แก่เด็กๆ อย่างเต็มที่เพื่อให้พวกเขานำไปพัฒนาประเทศต่อไปในอนาคต นอกจากนี้ ยังได้น้อมนำแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในชีวิตประจำวัน” นายเอกอนันต์กล่าว
นายศราวุธ ผูกแก้ว อายุ 18 ปี นักศึกษาชั้น ปวช. ปี 3 วิทยาลัยการอาชีพปากช่อง เผยว่า ไม่เคยมีโอกาสรับเสด็จพระองค์มาก่อนแต่เห็นการทรงงานผ่านทีวี เห็นว่าพระองค์ทรงงานมากมายเพื่อประชาชนคนไทย ตอนที่ขึ้นไปกราบสักการะเบื้องหน้าพระบรมโกศจึงได้ตั้งจิตอธิษฐานว่าหากชาติหน้ามีจริงจะขอเกิดเป็นข้ารองพระบาทพระองค์ท่านทุกชาติไป ส่วนในชาตินี้ขอน้อมนำแนวพระราชดำริของพระองค์มาใช้ในชีวิตประจำวัน โดยเน้นเรื่องการใช้จ่ายอย่างประหยัด ไม่ฟุ่มเฟือย และหากมีเหลือต้องเก็บออมด้วย

แสดงความคิดเห็น

[fbcomments count="off" num="5"]