ปิดฉากลงไปเรียบร้อยแล้ว สำหรับการแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 44 “สุรนารีเกมส์” ที่ ม.เทคโนโลยีสุรนารี จ.นครราชสีมา เป็นเจ้าภาพ เมื่อระหว่างวันที่ 21 ก.พ.-2 มี.ค.ที่ผ่านมา
แน่นอนว่าในภาพรวมของการจัดงาน ถือว่าทำได้ดี มีสถิติแข่งขัน 34 ชนิดกีฬา ชิง 393 เหรียญทอง นักกีฬาจากทั่วประเทศกว่า 100 สถาบัน มากกว่า 15,000 คน เดินทางมาร่วมชิงชัย พ่วงติดตัวเป็นประวัติศาสตร์มากที่สุดในทุกด้านไปด้วย
โดยข้อบกพร่องบางอย่างที่ต้องแก้ไขก็มีอยู่บ้าง อย่างเรื่องการประสานงาน และการไม่รู้จักหน้าที่ การไม่ค่อยให้เกียรติสื่อมวลชนมากนักของเจ้าหน้าที่บางคน โดยเฉพาะที่สนามกรีฑา บริเวณเข้าเส้นชัยวิ่ง 100 ม. ซึ่งผมเจอมากับตัว
ซีเรียสกระทั่งต้องมีการตรวจบัตรนักข่าวกันเลยทีเดียว บางคนก็เจอเจ้าหน้าที่คนดังกล่าว พูดลอยๆ ห้ามเข้าใกล้สิ่งของสัมภาระนักกีฬา กลัวว่าของมีค่าของนักกีฬาจะหาย
คิดกันไปได้ไกลขนาดนั้น ให้เกียรติกันเป็นไม่มี!!!
แต่ก็เอาเถอะ ส่วนตัวไม่ได้คิดมากอะไร เพราะถูกสอนมาว่า เราควรรู้จักหน้าที่ของตนเองเป็นพอ ส่วนใครที่พูดไปเรื่อย ก้าวก่ายหน้าที่ของคนอื่น ผู้นั้นย่อมไม่ปกติเป็นแน่
ว่ากันถึงกีฬาปัญญาชน ก็อย่างที่ทราบ ได้รับข่าวที่ไม่สู้ดีเท่าไหร่นักจาก ศ.ดร.สมคิด เลิศไพฑูรย์ ประธานคณะกรรมการบริหารกีฬามหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย (ก.ก.ม.ท.)
ในเรื่องของเจ้าภาพจัดการแข่งขันครั้งต่อๆไป โดยครั้งหน้า มี ม.เทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี เป็นแกนหลักในการจัดกีฬามหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 45 พ.ศ.2561 และจะมี ม.ธรรมศาสตร์ วิทยาเขตรังสิต เป็นเจ้าภาพร่วม ที่จะช่วยกันในเรื่องของสนามแข่งขัน เพราะอยู่ใกล้เคียงกัน
ประธาน ก.ก.ม.ท.ยอมรับว่าทุกวันนี้เจ้าภาพแบบเดี่ยวๆหายากเต็มทน เพราะแต่ละครั้งใช้งบประมาณสูงมาก ไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท จึงไม่ค่อยมีสถาบันไหนเสนอตัว
จึงอาจต้องใช้แนวทางนี้เป็นโมเดลในการจัดครั้งต่อๆไปเพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของเจ้าภาพจัดงาน
นับเป็นวิกฤติของกีฬามหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทยโดยแท้
ซึ่งก็มีการเสนอให้ปรับการจัดการแข่งขันเป็น 2 ปีครั้ง โดย ศ.ดร.สมคิดกล่าวว่า ก็มีการถกเถียงกันเป็นอย่างมากทั้งจากฝ่ายวิชาการ และฝ่ายเทคนิคกีฬา ซึ่งการปรับเป็น 2 ปีครั้งยังไม่เป็นที่ยอมรับมากนัก เพราะว่าจะทำให้นักกีฬาเสียโอกาสในการลงแข่งขันให้กับสถาบัน
ดังนั้น จะยังคงการจัดปีต่อปีเอาไว้จนกว่า ก.ก.ม.ท. จะประสบปัญหาไม่สามารถหาเจ้าภาพได้จริงๆ
ก็ต้องเรียกว่าเป็นสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกของกีฬาปัญญาชนของชาติ
จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรีบหาทางแก้ไข ซึ่งจริงๆแล้วด้วยตัวเนื้อหาของเกมการแข่งขัน มีความน่าสนใจอยู่แล้ว เพียงแต่ ก.ก.ม.ท. จะดึงจุดเด่นออกมาใช้ หรือจะนำระบบสิทธิประโยชน์กลาง ที่เป็นสากล หาสปอนเซอร์เข้ามาช่วยเป็นเรื่องเป็นราวก็น่าจะเข้าที
แบ่งเบาภาระ แบ่งเบาค่าใช้จ่ายของสถาบันเจ้าภาพได้มาก
ในเรื่องนี้แม้จะเป็นวิกฤติ แต่ก็เป็นเพียงวิกฤติที่รู้ตัวกันก่อน ยังพอมีเวลาที่จะเยียวยา รักษาได้อยู่ ยังไม่ได้แย่ไปเสียทีเดียว
อยู่ที่ว่าเมื่อทราบแล้ว จะทำ จะแก้อย่างจริงจังหรือไม่…ฟ้าคำราม