
เพื่อความสะดวกสำหรับทหารไปปฏิบัติงานในท้องที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ป่วยและพิการ ที่เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า จึงก่อเกิดความร่วมมือในการคิดประดิษฐ์อุปกรณ์ที่ตอบสนองต่อความพิการ “รถเข็นไฟฟ้าอัจฉริยะ” (ต้นแบบ) Intelligent Wheelchair เพื่อช่วยในการส่งถ่ายผู้ป่วยให้ได้ทันท่วงที
ความร่วมมือของ 3 สถาบันดังกล่าว ประกอบด้วย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เดชฤทธิ์ มณีธรรม และนักศึกษาวิศวกรรมเมคคาทรอนิกส์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี, ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เบญจลักษณ์ เมืองมีศรี มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์, พันเอก ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นพ.อารมย์ ขุนภาษี โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า และ พันเอก รองศาสตราจารย์ นพ.สุธี พานิชกุล วิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า
พันเอก ผศ.นพ.อารมย์ ขุนภาษี กล่าวว่า ปัจจุบันทางโรงพยาบาลมีผู้ป่วยจำนวนมากที่เข้ารับการรักษา แต่บางครั้งการส่งถ่ายผู้ป่วยเพื่อให้ทันท่วงที อาจเสี่ยงต่อการบาดเจ็บเพิ่มเติม ซึ่งจะต้องคำนึงถึงความปลอดภัยสูงสุด ในขณะเดียวกัน การส่งถ่ายผู้ป่วยจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งมีความจำเป็นอย่างมาก โดยรถเข็นไฟฟ้าอัจฉริยะนี้ตอบสนองความต้องการดังกล่าว ซึ่งได้ทำต้นแบบมาเพื่อทดลองใช้ในโรงพยาบาลที่อยู่ด้านนอกหรือกลางแจ้ง ซึ่งในอนาคตอาจต้องทำให้รถวิ่งในที่ร่มหรือผ่านทางเดินมีหลังคา (Cover Way) ทำให้สะดวกและสามารถลดเจ้าหน้าที่หรือผู้เกี่ยวข้องลงได้อีกด้วย เพราะรถเข็นไฟฟ้าอัจฉริยะนี้สามารถวิ่งได้ด้วยตนเองโดยไม่ต้องมีคนขับ
ผศ.ดร.เดชฤทธิ์ มณีธรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า รถเข็นไฟฟ้าอัจฉริยะนี้จะใช้ระบบจีพีเอส (GPS) หรือระบบ Vehicle Car Tracking ในการนำทาง โดยเป็นอุปกรณ์รับข้อมูลตำแหน่งจากดาวเทียม และใช้ร่วมกับเข็มทิศ (Compass) โดยสามารถตรวจสอบความลาดเอียงของพื้นดิน และรู้ตำแหน่งละติจูด (Latitude) และลองจิจูด (Longitude) ได้ โดยการประมวลผลจะใช้ไมโครคอนโทรเลอร์ (Microcontroller) เป็นตัวประมวลผลกลางทั้งระบบและส่งสัญญาณดิจิตอล (Digital) และอนาล็อก (analog) ออกไปยังชุดขับ (Driver) เพื่อควบคุมการทำงานของดีซีมอเตอร์ (DC Motor)
ถ้าจะพูดเป็นภาษาชาวบ้านก็คือ ดาวเทียมจะระบุตำแหน่งทั้งของรถเข็นไฟฟ้าอัจฉริยะ และเส้นทางที่รถจะเคลื่อนที่ไปจนถึงจุดหมายปลายทาง ก่อนจะส่งข้อมูลไปยังส่วนประมวลผล เพื่อส่งสัญญาณให้รถเคลื่อนที่ไปยังจุดหมายที่กำหนดไว้นั่นเอง
นับเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรม ที่นอกจากจะช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ทหารที่ป่วยหรือพิการ ที่อยู่ในระหว่างการรักษาตัวแล้ว ยังช่วยลดภาระการทำงานของเจ้าหน้าที่อีกด้วย