
ไทยโพสต์ ฉบับวันที่ 04 กันยายน พ.ศ. 2560
สสว. จับมือ มทร.ธัญบุรี ยกทัพบุกภาคเหนือ ตามโครงการส่งเสริมพัฒนาตลาดอิเล็กทรอนิกส์สำหรับ
SMEs ปี 2560 จัดอบรมเชิงปฏิบัติการเทคนิค “การพัฒนาสินค้าเพื่อเข้าสู่ตลาดออนไลน์” และ “การลดต้นทุนและเพิ่มยอดขายด้านออนไลน์” ให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีภาคเหนือ 3 จังหวัด ได้แก่ พิษณุโลก ลำปาง สุโขทัยและพื้นที่ใกล้เคียง โดยได้รับการตอบรับจากผู้ประกอบการภาคเหนือเข้าร่วมจำนวนมาก
นายนิติ วิทยาวิโรจน์ ผู้อำนวยการสำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ธัญบุรี ตัวแทนผู้จัดโครงการ เล่าว่า ตามที่สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) จับมือ มทร.ธัญบุรี จัดโครงการส่งเสริมพัฒนาตลาดอิเล็กทรอนิกส์สำหรับ SMEs ปี 2560 ในพื้นที่ภาคเหนือ ส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการเอสเอ็มอีให้มีช่องทางการตลาดเพิ่มขึ้นในรูปแบบ Business to Business to Customers (B2 B 2C) เชื่อมโยงการส่งเสริมการตลาดระหว่างกลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ภาคการผลิต กับผู้ให้บริการด้านตลาดออนไลน์ โดยมีเป้าหมายคือ ผู้ประกอบการจำนวน 21,700 ราย สินค้าหรือบริการ จำนวน 32,500 ผลิตภัณฑ์ ซึ่งคัดเลือกจากกลุ่มเป้าหมายหลักคือผู้ประกอบการที่ทางมหาวิทยาลัยเป็นที่ปรึกษาจากโครงการต่างๆ พร้อมทั้งช่วยพัฒนาให้ความรู้ ให้คำปรึกษา และเตรียมความพร้อมจำนวนไม่น้อยกว่า 25,000 ผลิตภัณฑ์ขึ้นไปจำน่ายบนตลาดออนไลน์
นายกิตตินนท์ อุ้ยวงศ์ไพศาล ผู้จัดการฝ่าย Shopping Mall และการตลาด บริษัท ตลาด ดอทคอม (TARAD.com) เล่าว่า ปัจจุบันช่องทางในการขายออนไลน์มีให้เลือกมากมาย ซอฟต์แวร์ร้านค้าออนไลน์ (Open Source) ร้านค้าออนไลน์สำเร็จรูป และกำลังได้รับความนิยม Social Media Shop ไม่ว่าจะเป็นเฟซบุ๊กและไลน์ โดยผู้ประกอบการต้องเลือกช่องทางให้เหมาะสมกับธุรกิจ มีช่องทางในการชำระเงินที่สะดวก ดูแลบริหารจัดการร้านค้าออนไลน์ ในเรื่องของการขนส่ง การจัดการคลังสินค้า ช่องทางดูแลดูค้า “การดูแลลูกค้าให้ดีคือ คำโฆษณาที่ดีที่สุด” ปัจจัยความสำเร็จของการซื้อขายสินค้าออนไลน์ ประกอบด้วย Platform 30% Marketing 40% และ Operation 30% ปัจจัยสำเร็จในการสร้างยอดขายออนไลน์ การตลาด และข้อมูลสินค้าที่ดึงดูดลูกค้า
อีกหนึ่งแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จในการค้าขายออนไลน์ นางสาวจิราพร พงศ์รุจิกรพันธุ์ ห้างหุ้นส่วนจำกัด จิราพรฟู้ด ผู้ประกอบการกล้วยตากจิราพร เล่าว่า พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไป เลือกที่จะซื้อผ่านออนไลน์ จึงทำให้ตลาดออนไลน์โตขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งทางจิราพรกล้วยตากได้บุกตลาดออนไลน์มากว่า 3 ปี ค่อยๆ เรียนรู้พฤติกรรมของผู้บริโภค โดยเริ่มจากการซื้อขายผ่านเว็บไซต์ แต่ด้วยข้อจำกัดหลายอย่าง เช่น ขั้นตอนในการซื้อขาย จึงหันมาใช้ในส่วนของสื่อสังคมออนไลน์ ในส่วนของแฟนเพจเฟซบุ๊กและไลน์
“ในช่วงแรกๆ จะโพสต์ขายสินค้าแบบไม่มีเป้าหมาย จากการสังเกตพบว่าไม่มีลูกค้าสนใจเข้ามากดไลค์ จึงเริ่มที่จะหาข้อมูล ไปเรียนและอบรมตามที่ต่างๆ นำมาปรับใช้ในการขายของออนไลน์ เนื้อหาเป็นเรื่องที่สำคัญ ตลอดจนรูปถ่ายสินค้าต้องดึงดูด การขายของออนไลน์ต้องทำให้สินค้ามีตัวตน ด้วยการสร้างเนื้อหาของเราเอง ปัจจุบันกล้วยตากจิราพรสร้างยอดขายผ่านออนไลน์ได้ประมาณเดือนละ 400,000-500,000 บาท ผู้ประกอบการที่เริ่มต้นในการขายออนไลน์ ต้องเลือกช่องทางในการขาย และต้องสื่อสารให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย”
ด้านผู้ประกอบการเซรามิกรักษ์ดิน จ.ลำปาง นางทิพยา จิวกิตติศักดิ์กุล เล่าว่า ในการเข้าร่วมโครงการครั้งนี้เป็นหัวข้อที่น่าสนใจ ซึ่งถ้ามีเวทีในการให้ความรู้ต่างๆ ก็จะเข้าร่วมเพราะการเรียนรู้มีตลอดชีวิต วิทยากรต่าง องค์ความรู้ก็ต่างไปด้วย ฉะนั้นต้องเรียนรู้อยู่สม่ำเสมอ โดยส่วนตัวมีการขายออนไลน์ผ่านทางเฟซบุ๊ก แต่ด้วยตัวสินค้ามีข้อจำกัด ลูกค้าส่วนใหญ่อยากเห็นตัวสินค้าจริง ดังนั้นสินค้าจึงยังเจาะตลาดออนไลน์ไม่ได้ ส่วนใหญ่จะเป็นตลาดออฟไลน์มากกว่า อย่างไรก็ตามทุกวันนี้ไม่สามารถหลีกเลี่ยงช่องทางในการขายออนไลน์ได้ เพราะว่าทุกคนต้องการความสะดวกสบาย จึงอยากหาความรู้ต่างๆ มาปรับใช้ในธุรกิจของตนเอง ในการเข้าโครงการนี้สามารถนำความรู้ที่ได้ไปต่อยอดในธุรกิจได้
นายมนตรี นนทธิ ผู้ประกอบการธุรกิจมนตรีเครื่องเงินสุโขทัย จ.สุโขทัย เล่าว่า อยากเปิดตลาดให้กว้างขึ้น อยากรู้หลักการทำตลาดและการพัฒนาสินค้าให้ดียิ่งขึ้น จึงมาเข้าโครงการในครั้งนี้
“งานถักทอเงินโบราณเป็นงานที่มีความละเอียด ประณีตและงดงาม บ่งบอกความเป็นศิลปะของงานหัตถกรรม โดยตั้งใจจะสืบทอดเจตนารมณ์และผลงานสร้างสรรค์ของบรรพชนชาวศรีสัชนาลัยให้ยังคงอยู่สืบต่อไป บางลวดลายที่ทำมีเฉพาะที่สุโขทัยเท่านั้น และเจาะกลุ่มเป้าหมายวัยทำงาน เจ้าของธุรกิจและผู้ชื่นชอบการแต่งผ้าไทย และมั่นใจว่าเรื่องราวออนไลน์ที่อบรมนี้จะทำให้มนตรีเครื่องเงินสุโขทัยเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้นได้” นายมนตรีกล่าว.