
เดลินิวส์ (กรอบบ่าย) ฉบับวันที่ 05 ตุลาคม พ.ศ. 2560
พงษ์พรรณ บุญเลิศ
ไม่เพียงความงามทางด้านศิลปะ “ภาพจิตรกรรมฝาผนัง” ที่ปรากฏภายในโบสถ์ วิหาร หลายสถานที่ยังเป็น “บันทึกประวัติศาสตร์สำคัญ” พาย้อนอดีตเชื่อมโยงปัจจุบัน เป็นดั่ง “ขุมทรัพย์ความรู้” ทรงคุณค่า…จิตรกรรมฝาผนัง เกิดขึ้นมายาวนาน โดยยุคก่อนประวัติศาสตร์มนุษย์ได้มีการบันทึกเรื่องราวของตนเองก่อนที่จะมีภาษาเขียนด้วยภาพ ซึ่งจะเห็นได้จากแหล่งโบราณคดีก่อนประวัติศาสตร์หลายสถานที่ โดยภาพที่ปรากฏเล่าเรื่องการล่าสัตว์ เครื่องใช้ ฯลฯ เป็นจุดเริ่มต้นยุคแรกของภาพจิตรกรรมฝาผนัง
ต่อเนื่องมา… เมื่อมนุษย์เริ่มตั้งหลักแหล่ง เริ่มมีภาษาพูด ภาษาเขียน จึงมีการบันทึกเรื่องราวความคิด ความเชื่อของตนเอง ออกมาในรูปลักษณ์ต่าง ๆ อีกทั้งเมื่อมีการปลูกสร้างศาสนสถานก็ได้บันทึกเรื่องราวต่าง ๆ ไว้ที่ศาสนสถานด้วย
รศ.ดร.สมพร ธุรี อาจารย์ภาควิชาทัศนศิลป์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ให้ความรู้ภาพจิตรกรรมฝาผนังในภาพรวมว่า การสร้างสรรค์จิตรกรรมฝาผนังมีมายาวนานนับแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ แต่ที่มีหลักฐานชัดเจนปรากฏให้ศึกษาสืบค้นกันมาถึงเวลานี้ สำหรับจิตรกรรมฝาผนังของประเทศไทยนั้น ที่มีอยู่ชัดเจนเป็น จิตรกรรมฝาผนังในสมัยอยุธยา และรัตนโกสินทร์ โดยเนื้อหาส่วนใหญ่ในสมัยอยุธยาจะเกี่ยวกับพุทธประวัติ
สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ใน ช่วงรัชกาลที่ 1-3 เขียนภาพเกี่ยวกับพุทธประวัติ เล่าเรื่องนับแต่ประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพพาน บริเวณหน้าต่าง ช่องหน้าต่าง เขียนเรื่องทศชาติ อย่างเช่น เตมีย์ใบ้ พระมหาชนก เป็นต้น ต่อมาในสมัย ช่วงรัชกาลที่ 4 การสร้างสรรค์จิตรกรรมมีรูปแบบผสมผสาน ประยุกต์ศิลปะตะวันตก มีภาพปริศนาธรรม เพื่อให้ผู้ที่พบเห็นได้ขบคิดถึงความหมายของภาพ ทั้งมีสัญลักษณ์สื่อความหมาย ฯลฯ
นอกจากนี้ จากที่ศึกษาค้นคว้า ผลงานพุทธศิลป์ในจังหวัดภาคใต้ฝั่งตะวันออกด้านทะเลอ่าวไทย สมัยรัตนโกสินทร์ ช่วงรัชกาลที่ 1-6 ยังพบเอกลักษณ์โดดเด่น เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่มีความสำคัญ ภาพถ่ายทอดเทคนิคเชิงช่าง แสดงสภาพสังคม วัฒนธรรม เป็นบันทึกที่จะส่งต่อความรู้วันวานสู่ปัจจุบันได้เด่นชัด
“ภาพจิตรกรรมฝาผนังของภาคใต้มีความโดดเด่นชัดเจน มีแบบแผนลักษณะคล้ายคลึงกับช่างหลวงภาคกลาง อย่างเช่นที่ วัดสุวรรณาราม ช่างหลวงภาคกลางได้เขียนภาพชาดกต่อเนื่องบริเวณผนังระหว่างช่องประตู หน้าต่าง ครบทุกพระชาติและได้ขยายตอน พระเวสสันดรชาดก ไว้ครบทุกกัณฑ์ โดยแต่ละเรื่องช่างเขียนจะเลือกแสดงภาพเหตุการณ์ที่เป็นจุดสำคัญของแต่ละเรื่อง เพื่อการรับรู้เข้าถึงของผู้ชม และมีความสัมพันธ์ต่อเนื่องกันไป ซึ่งในลักษณะนี้ก็ได้ปรากฏขึ้นที่ วัดสุวรรณคีรี และวัดมัชฌิมาวาสวรวิหารจังหวัดสงขลา เป็นต้น”
ในภาพเขียนยังแทรกเหตุการณ์ ต่าง ๆ อย่างเช่น วาดภาพประเพณีวัฒนธรรมท้องถิ่น การทำบุญเดือนสิบในภาพพุทธประวัติที่ วัดวัง ด้วยมีความเชื่อในการอุทิศส่วนกุศลแก่ผู้ล่วงลับ ภาพเขียนวรรณกรรมท้องถิ่น การละเล่น นำตัวหนังตะลุงมาเขียนแทรกไว้ ภาพบ้านเรือนแบบจีน ฯลฯ แสดงถึงความหลากหลาย ความเป็นจริงตามสภาพแวดล้อม สังคม บอกเล่าประวัติศาสตร์ในช่วงเวลานั้น ๆ โดย สามารถเรียนรู้ผ่านภาพจิตรกรรมฝาผนัง ได้อย่างชัดเจน
รศ.ดร.สมพรเล่าถึงเอกลักษณ์พุทธศิลป์ที่ศึกษาอีกว่า พุทธศิลป์ในภาคใต้มีความเด่นชัดมายาวนานนับแต่สมัยศรีวิชัย รุ่งเรืองต่อเนื่องมาถึงรัตนโกสินทร์ มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่น่าศึกษา อย่างในเรื่อง ปริศนาธรรม ในภาพจิตรกรรมฝาผนังมักเป็นภาพธรรมที่มีข้ออุปมาอุปไมย
ภาพจิตรกรรมฝาผนังที่สร้างสรรค์ขึ้น นอกจากถ่ายทอดความรู้ในด้านต่าง ๆ มากมายแล้ว ยังสะท้อนคุณค่า ความงาม ความดี และยัง ส่งต่อความจริง…
“ในความงามที่เห็น นอกจากความรู้ทางศิลปะ ยังถ่ายทอดถึงความดีงามของผู้อุทิศสร้าง ความมุ่งมั่นของช่าง โดยต่างมีความเคารพศรัทธา สร้างขึ้นเพื่อเป็นพุทธบูชา ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ทั้งยังสื่อแสดงถึงความกตัญญูต่อบรรพบุรุษ ครู อาจารย์ ขณะเดียวกัน ภาพจิตรกรรมฝาผนังยังส่งต่อและแสดงให้เห็นถึงความจริงแสดงหลักธรรมคำสอน ซึ่งสื่อแสดงโดยบันทึกไว้ในภาพ และยังเป็นความจริงที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ บันทึกบอกเล่าช่วงเวลานั้น ๆ ไม่ว่าจะเป็นในด้านเศรษฐกิจ สังคม การคมนาคม วัฒนธรรม หรือแม้แต่ความเชื่อความศรัทธา”
ถ้าได้ชมภาพจิตรกรรมฝาผนังแต่ละสถานที่ ก็จะได้รับคำตอบ สัมผัสได้ถึงความงาม ความหมายในภาพจิตรกรรมฝาผนัง ซึ่งเป็นดั่งบันทึกประวัติศาสตร์ที่มีคุณค่า.
ด้าน จุลภัสสร พนมวัน ณ อยุธยา นักวิชาการอิสระด้านวัฒนธรรม ให้ความรู้เพิ่มว่า ด้วยความเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนา จิตรกรรมฝาผนังที่สร้างขึ้นจึงมีความประณีตงดงาม ถ่ายทอดรายละเอียดหลายด้านบันทึกไว้
“จิตรกรรมฝาผนังในยุคแรกอาจเขียนขึ้นในสถานที่แคบ ๆ เขียนภาพตามกรุ ปรางค์ เจดีย์ต่าง ๆ โดยเขียนภาพอดีตพระพุทธเจ้า จากนั้นเมื่อมีทักษะความชำนาญจึงเขียนภาพในพื้นที่ที่กว้างขึ้น เทคนิคต่าง ๆ ก็มีมากขึ้น ขยายการเขียนจากเดิมไปบนฝาผนังโบสถ์ เขียนในวิหาร ศาลาการเปรียญ และยังเพิ่มเติมเรื่องราว ไม่ได้เล่าเรื่องพระพุทธศาสนาอย่างเดียว ภาพจิตรกรรมฝาผนังจึงบอกเล่าองค์ความรู้ในเรื่องราวต่าง ๆ ไว้มากมาย”
ภาพจิตรกรรมฝาผนังงดงามที่มีปรากฏอยู่ในหลายสถานที่ทั่วประเทศ แต่ละสถานที่ได้บันทึกช่วงเวลาของสังคมยุคสมัยนั้น ๆ ทั้งเชื่อมโยงส่งต่อความรู้มาถึงปัจจุบัน อย่างเช่น ความงดงามของ ภาพจิตรกรรมฝาผนังพุทธประวัติ ที่ พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร จิตรกรรมฝาผนังพระที่นั่งทรงผนวช ที่วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม ภาพจิตรกรรมที่นี่เขียนภาพเหมือนบุคคล
“ภาพจิตรกรรมฝาผนังพระที่นั่งทรงผนวชเป็นฝีมือช่างใน สมัยรัชกาลที่ 5 เนื้อหาภาพแสดงเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้น แสดงภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ขนบธรรมเนียม ประเพณีต่าง ๆ อย่างเรื่องการแต่งกาย เสื้อราชปะแตน ก็จะได้เห็นจากภาพจิตรกรรมในยุคสมัยรัชกาลที่ 5”
นอกจากภาพเขียนฝีมือช่างโบราณ ศิลปินปัจจุบันได้สร้างสรรค์ผลงานภาพจิตรกรรมฝาผนัง ฝากฝีมือเด่นชัดเช่นกัน ทั้งนี้ ที่ วัดราชผาติการาม ด้านในพระอุโบสถเขียน ภาพจิตรกรรมฝาผนังพระราชนิพนธ์ใน “พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล
อดุลยเดช” รัชกาลที่ 9 ภาพจิตรกรรม…พระมหาชนก พระราชนิพนธ์อันทรงคุณค่ายิ่ง เป็นภาพเขียนฝาผนังทางด้านซ้ายของพระประธาน เด่นชัดทั้งในวิธีการเขียนและเทคนิค เขียนภาพแนวไทยปัจจุบันและไทยโบราณ สื่อแสดงความวิริยะ ความเพียร แทรกด้วยคำสอนต่าง ๆ มากมาย ให้ได้ศึกษา…ภาพ “จิตรกรรมฝาผนัง” หลายสถานที่ ถึงวันนี้แม้จะผ่านกาลเวลา แต่ยังคงเด่นชัดด้วย “คุณค่า”… เป็น “บันทึกร่องรอยแห่งกาลเวลา”…ส่งต่อความรู้ได้อย่างสมบูรณ์.
“ภาพจิตรกรรม…พระมหาชนก พระราชนิพนธ์ที่ทรงคุณค่ายิ่ง”