ม.ราชมงคลธัญบุรีคว้ารางวัลผลิตภัณฑ์ซอสปรุงรสจากหอยขม

เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 08 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560
ซอสปรุงรส ปัจจุบันมีผู้นิยมใช้ประกอบการปรุงอาหารเป็นจำนวนมาก ซึ่งจะช่วยเพิ่มรสชาติความอร่อย กลิ่นหอม น่ารับประทาน ไม่ว่าจะเป็นอาหารประเภทผัดหรืออาหารประเภทต้ม แต่การผลิตซอสปรุงรสยังไม่เพียงพอกับความต้องการของผู้บริโภค เนื่องจากต้องนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศ โดยเฉพาะหอยนางรม มีราคาค่อนข้างสูงและแปรผันไปตามความต้องการของตลาด ส่วนหอยนางรมที่เลี้ยงในประเทศไทย ก็ยังไม่ได้คุณภาพตามต้องการ นอกจากนี้ยังเคยพบสารปนเปื้อนจากทะเลไทย จึงไม่เหมาะในการนำมาแปรรูป อาจารย์จากคณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี จึงได้เกิดแนวคิดในการแก้ไขปัญหา โดยนำหอยขมมาทดแทนหอยนางรม ให้เป็นทางเลือกกับผู้บริโภค อีกทั้งยังช่วยเพิ่มมูลค่าหอมขมให้เกษตรกรผู้เลี้ยง สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ได้ให้การสนับสนุนเพื่อต่อยอดงานวิจัย จนได้รับรางวัลเหรียญเงิน และ รางวัล Special Prize จาก Toronto International Society of Innovation & Advanced Skills (TISIAS) ประเทศแคนาดา จากการประกวดในงาน “11th International Warsaw Invention Show” (IWIS 2017) ณ กรุงวอร์ซอ สาธารณรัฐโปแลนด์ระหว่างวันที่ 9-11 ตุลาคมที่ผ่านมา
อาจารย์ณัฐชรัฐ แพกุล เปิดเผยว่า หอยขม เป็นหอยน้ำจืดที่มีขนาดเล็ก หาง่ายในธรรมชาติ มีกระจายอยู่ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ ไทย หรือจะเพาะเลี้ยง ก็สามารถทำได้ตลอดทั้งปี อีกทั้งยังทนต่อสภาพน้ำและอากาศได้มากกว่าหอยทุกชนิด และเป็นหอยที่ไม่ผลิตสารพิษเหมือนกับหอยโข่งหรือหอยเชอรี่ ที่มีผลต่อระบบนิเวศทำให้พืชน้ำตายส่งผลให้น้ำเน่าเสีย ส่วนหอยขมเป็นหอยที่กินแพลงตอนในน้ำ ซึ่งช่วยบำบัดน้ำให้มีคุณภาพดีได้ โดยไม่เกิดสารพิษในตัวหอยนอกจากนี้หอยขมยังมีคุณค่าทางโภชนาการ อีกทั้งยังมีราคาที่ต่ำกว่าและมีสรรพคุณแก้กระษัยปวดเมื่อยตามร่างกาย บำรุงกระดูก รักษาอาการปวดกระดูก แก้โรคกระเพาะอาหาร แต่ปัจจุบันหอยขมยังไม่เป็นที่นิยมเนื่องจากมีผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำอื่นเข้ามาเป็นตัวเลือกในการบริโภคมากขึ้น หอยขมจึงไม่เป็นที่แพร่หลายในท้องตลาด
การผลิตซอสหอยขม เริ่มจากนำหอยขม 3 กก. มาแกะเอาเฉพาะเนื้อล้วนๆ ล้างทำความสะอาดให้ดี นำมาบด จากนั้นนำมาเคี่ยวกับส่วนผสมด้วยไฟอ่อนๆ กระทั่งเนื้อหอยเริ่มเป็นเนื้อเดียวกัน มีความหนืด แล้วนำมากรองเอาแต่น้ำ จะได้ซอสหอยขมเข้มข้น สีธรรมชาติ บรรจุขวดละ 350 กรัม ได้ประมาณ 9 ขวด และได้ลงพื้นที่สำรวจผู้บริโภคจำนวน 100 คน ทุกคนให้การยอมรับ เมื่อเทียบเท่ากับผลิตภัณฑ์ที่จำหน่าย ในท้องตลาด ไม่มีความแตกต่าง ที่สำคัญคอเลส เตอรอลที่ต่ำกว่า จะช่วยยืดอายุของผู้บริโภค.

แสดงความคิดเห็น

[fbcomments count="off" num="5"]