
ไทยโพสต์ ฉบับวันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560
ปัจจุบันปัญหา “ภาวะทุพโภชนาการ” หรือภาวะการได้รับสารอาหารไม่เหมาะสมและเพียงพอของเด็กไทย กำลังทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะกลุ่มเด็กนักเรียนในพื้นที่ทุรกันดาร ซึ่งส่งผลต่อความแข็งแรงของร่างกายและระดับสติปัญญาเป็นอย่างมาก จากผลสำรวจโรงเรียนภายใต้สำนักงานคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐาน กว่า 30,800 โรงเรียน ทั่วประเทศ ยังมีโรงเรียนที่ต้องการความช่วยเหลือในด้านอาหารและโภชนาการอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งมูลนิธิอายิโนะโมะโต๊ะ ได้เล็งเห็นความสำคัญของปัญหาดังกล่าว จึงได้ร่วมมือกับทางกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อให้ความช่วยเหลือโรงเรียนภายใต้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานอย่างยั่งยืนและต่อเนื่อง โดยได้ร่วมลงนามในข้อตกลงร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพื่อดำเนินการโครงการปรับปรุงโภชนาการเด็กไทยอย่างต่อเนื่อง อาทิ โครงการ “50ปี 50 โรงเรียน” เมื่อปีพ.ศ. 2553-2557 และโครงการ “อายิโนะโมโต๊ะ โภชนาการเพื่อเด็กไทย ก้าวไกลสร้างชาติ” ในปี พ.ศ.2558-2562 เพื่อต่อยอดโครงการเดิม ด้วยการมอบงบประมาณสนับสนุนการก่อสร้างโรงอาหาร รวมกว่า 50 ล้านบาท ให้กับโรงเรียนที่ขาดแคลนได้มีโรงอาหารที่ได้มาตรฐานตามหลักสุขาภิบาลที่ดี และขยายกิจกรรมการพัฒนาบุคลากรของโรงเรียน ด้านอาหาร โภชนาการและสุขลักษณ์ที่ดีด้านอาหาร เพื่อให้ครอบคลุมการดำเนินการด้านอาหารกลางวันของโรงเรียนอย่างครบถ้วน และเกิดประโยชน์อย่างแท้จริง
มูลนิธิฯ จัดกิจกรรมอบรมเชิงปฏิบัติการด้านโภชนการ ให้กับคณะผู้บริหารโรงเรียน และบุคลากรผู้รับผิดชอบโครงการอาหารกลางวันจากโรงเรียนทั่วประเทศ ที่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณการก่อสร้างโรงอาหารในโครงการ “อายิโนะโมะโต๊ะ โภชนการเพื่อเด็กไทย ก้าวไกลสร้างชาติ” ณ โรงแรมอิสติน มักกะสัน กรุงเทพฯ โดยมี ญาณกร จันทหาร ผู้อำนวยการสำนักอำนวยการสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน พร้อมด้วย อิโตมิ วะตะนะเบะ กรรมการมูลนิอายิโนะโมะโต๊ะ ร่วมเป็นประธานในพิธีเปิด และได้รับเกียรติจาก ผศ.ดร.เอกราช เกตวัลห์ รองผู้อำนวยการ สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล และรศ.อาภัสรา กวีวังโส อาจารย์คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี พร้อมนักวิชาการผู้ทรงคุณวุฒิด้านอาหารและโภชนาการทั้งภาคทฤษฎีและการปฏิบัติอันเห็นผลเป็นรูปธรรม เพื่อพัฒาบุคลากรในโรงเรียนให้นำความรู้ไปประยุกต์ใช้และปรับปรุงภาวะโภชนาการของนักเรียนได้อย่างยั่งยืน ตลอดจนการพัฒนาให้เป็นโรงเรียนต้นแบบด้านโภชนาการ และต่อยอดให้เป็นศูนย์กลางด้านโภชนาการ และต่อยอดให้เป็นศูนย์กลางด้านโภชนาการให้แก่โรงเรียนใกล้เคียงต่อไป
ทั้งนี้ หากโครงการดังกล่าวแล้วเสร็จ จะมีอาคารโรงอาหารที่ถูกสุขลักษณะรวม 100 แห่ง ครอบคลุมโรงเรียนที่ขาดแคลนทั่วประเทศ และเด็กนักเรียนไทยกว่า 30,000 คนในถิ่นทุรกันดารจะได้รับโภชนาการที่ดี อันเป็นปัจจัยพื้นฐานที่จะช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ของพวกเขาและเติบโตเป็นบุคคลาการที่มีคุณภาพต่อไปในอนาคต โดยเราเชื่อว่าโครงการที่เราดำเนินกแรอยู่จะนำไปสู่การพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นสิ่งที่มูลนิธิฯ มุ่งมั่นและดำเนินการมาตลอด 40 ปี