เปิดโลกงานวิจัย ‘ไทยแลนด์ รีเสิร์ช เอ็กซ์โป 61’ มุ่ง ‘ตลาดนำการวิจัย’ สู่ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน

คม ชัด ลึก ฉบับวันที่ 07 สิงหาคม พ.ศ. 2561
ทีมข่าวคมชัดลึก
www.komchadluek.net
ไม่ใช่แค่จากหิ้งสู่ห้าง ไม่ใช่แค่พัฒนาองค์ความรู้ ไม่ใช่แค่มุ่งแต่เคพีไอ (KPI)ตัวชี้วัดผลงาน แต่งานวิจัยยุคใหม่ต้องใช้ได้ กินได้และนำไปต่อยอดได้ในทุกมิติ สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ร่วมกับพันธมิตรเครือข่ายวิจัย จัดงาน “มหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ” 2561 (Thailand Research Expo 2018) หวังนำผลงานวิจัยเด่นจากทุกภาคส่วนกว่า 500 ผลงานมาจัดแสดงเพื่อให้ผู้ผลิตและผู้ใช้มีโอกาสเจอกัน ก่อนนำไปต่อยอดสู่เชิงพาณิชยฺ์ต่อไป
“นายกรัฐมนตรีได้พูดว่าให้ตลาดนำการผลิต ดังนั้นในส่วนของเราก็ให้เอาการตลาดนำการวิจัย อยากให้การวิจัยทำให้มีการตลาดเกิดขึ้น เพราะงานวิจัยยังต้องทำทั้งสองส่วน ส่วนหนึ่งเป็นการวิจัยให้เกิดความรู้ ในขณะเดียวกันก็เอาประโยชน์เป็นตัวตั้งเอาวิจัยมาสนับสนุน มาต่อยอดงานวิจัย เรื่องใดที่มีอยู่แล้วก็มาต่อยอดต่อ ส่วนเรื่องใดยังไม่มีต้องนำองค์ความรู้มาจากต่างประเทศก็นำมาต่อยอดต่อเช่นกัน”
ศ.นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล เลขาธิการ วช. กล่าวถึง “มหกรรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2561” ซึ่งวช.ร่วมกับหน่วยงานเครือข่ายในระบบวิจัยทั่วประเทศจัดขึ้นระหว่างวันที่ 9p13 สิงหาคมนี้ ที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ และบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพมหานคร ภายใต้แนวคิด “วิจัยเพื่อพัฒนาประเทศสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน” ถือเป็นงานวิจัยประจำปีที่ใหญ่ที่สุด โดยมีการนำสุดยอดงานวิจัยมาจัดแสดงเพื่อให้ผู้ที่เข้าร่วมชมงานสามารถนำไอเดียตรงนี้ไปต่อยอดได้ ซึ่งมีทั้งหมดมากกว่า 500 ผลงานที่พร้อมเข้าสู่ในเชิงพาณิชย์ หัวใจสำคัญของงานในปีนี้ก็คืองานวิจัยใช้ได้ งานวิจัยกินได้ เมื่อทำแล้วก็ต้องทำให้สุดทางเพื่อให้ถึงมือผู้ใช้จริง
“วิธีการทำ 2 อย่าง คืออย่างแรกให้ผู้ใช้มามีส่วนร่วมตั้งแต่ต้น อยากได้อะไร อยากทำอะไรก็เอานักวิจัยมาช่วยคิดต่อ อีกส่วนหนึ่งเราพบว่ามีงานวิจัยเกิดขึ้นในหลายๆ ส่วนของประเทศที่เราให้การสนับสนุนสามารถนำไปต่อยอดให้ใช้ได้จริง ส่วนงบการวิจัยก็เป็นที่น่ายินดีว่าปีนี้เป็นปีแรกที่ประเทศไทยมีงบการวิจัยทั้งภาครัฐและเอกชนประมาณ 1 แสนล้านบาทแล้ว โดยเราต้องการให้การวิจัยที่ลงทุนไปนี้ มีประโยชน์กับประเทศให้มากที่สุด”
เลขาธิการวช.ยอมรับว่า ปัญหาผลงานการวิจัยที่ผ่านมาส่วนหนึ่งที่ไม่สามารถนำไปต่อยอดในชิงพาณิชย์หรืออุตสาหกรรมได้ ก็เพราะไม่แน่ใจในเรื่องการต่อยอดได้ มีมาตรฐานและมีความปลอดภัย วช.จะต้องสร้างความเชื่อมั่นใจใน 3 เรื่องนี้ให้ได้ ขณะเดียวกันก็ได้จัดทำบัญชีสิ่งประดิษฐ์ เพื่อให้นักวิจัยมีความเชื่อมั่นในผลงานวิจัยว่าจะมีผู้นำไปใช้ประโยชน์ได้ โดยจะยึดเอาประโยชน์เป็นตัวตั้งแล้วนักวิจัยก็จะทำวิจัยในประเด็นต่างๆ เหล่านี้
“อีก 3 ปีข้างหน้าเราจะเห็นการเจออย่างนี้มากขึ้นเรื่อยๆ เราเอาประโยชน์เป็นตัวตั้ง พยายามจะถามว่าถ้านักวิจัยทำเรื่องนี้ได้จะเอาไปทำอะไร หรือประเทศอยากได้อย่างนี้จะทำอย่างไร จากนี้ไปงานวิจัยทุกชิ้นจะต้องมีการต่อยอดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เรามีทุนต่อยอดมากขึ้น เราจะขับเคลื่อนทรัพย์สินทางปัญญาเอาไปต่อยอดได้ ปีนี้จะมีกระบวนการเลือกทรัพย์สินทางปัญญามอบให้แก่ผู้วิจัย ก่อนหน้านี้มอบให้หน่วยงานผู้วิจัย เพื่อต้องการให้ผู้วิจัยนำไปขยายผลต่อนั่นเอง”
ศ.นพ.สิริฤกษ์กล่าวถึงกิจกรรมภายในงานปีนี้ นอกจากเพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ผู้ทรงเป็น “พระบิดาแห่งการวิจัยไทย” และเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 และพระบรมวงศานุวงศ์ ที่ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่องานวิจัยไทยแล้วยังมีผลงานวิจัยเด่นจากหน่วยงานต่างๆ มาร่วมจัดแสดงมากกว่า 500 ผลงานที่พร้อมจะพัฒนาต่อยอดในเชิงพาณิชย์ได้ทันที
นอกจากนี้ ยังมีเวทีเชื่อมโยงการวิจัยของไทยที่มีศักยภาพไปสู่กลุ่มผู้ใช้ประโยชน์ในระดับประเทศและนานาชาติ รวมถึงการสร้างสรรค์ สร้างแรงขับเคลื่อน และให้เกิดกลไกสนับสนุนการพัฒนาการวิจัยและนวัตกรรมของประเทศ ซึ่งเป็นฐานความรู้ไปสู่กลุ่มผู้ใช้ประโยชน์ ทั้งในระดับประเทศและนานาชาติ และการจัดงานในปีนี้ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเป็นประธานเปิดงานในวันศุกร์ที่ 10 สิงหาคมนี้ เวลา 09.00 น.
ตัวอย่างนวัตกรรม 10 ผลงานวิจัยเด่น
สำหรับตัวอย่างผลงานวิจัยเด่นที่นำมาจัดแสดงในงาน “มหกรรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2561” อาทิ 1.การศึกษาและพัฒนาหุ่นยนต์สำหรับปฏิบัติการสนับสนุนการกู้ภัยและปฏิบัติการเก็บกู้วัตถุระเบิดร่วมกับระบบติดตามการเคลื่อนที่หุ่นยนต์ด้วย จีพีเอสแสดงผลผ่านมือถือ โดย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ กิตติพงษ์ พุ่มโภชนา เจ้าของผลงาน โดยสร้างและพัฒนาระบบการขับเคลื่อนหุ่นยนต์ช่วย กู้ระเบิดให้มีความเหมาะสมสำหรับการ กู้ระเบิดเพื่อสามารถขับเคลื่อนไปในพื้นที่เป้าหมายได้หลากหลายสภาพแวดล้อม ร่วมกับระบบเซ็นเซอร์ตรวจหาวัตถุระเบิดใต้ดินในการช่วยค้นหาผู้ประสบภัย
2.การพัฒนาชุดแบตเตอรี่และเครื่องชาร์จแบตเตอรี่ โดยกองพันทหารปืนใหญ่ ที่ 31 กรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์ พ.อ.รัตติพล ตันยา เจ้าของผลงาน เป็นการพัฒนาชุดแบตเตอรี่ประเภทลิเทียมไอออนสำหรับการใช้งานร่วมกับระบบการควบคุมทิศทางของปืนใหญ่ผ่านการเก็บข้อมูลสภาวะการใช้งานของชุดแบตเตอรี่เดิมที่ใช้อยู่กับปืนใหญ่และออกแบบพัฒนาและทดสอบเครื่องและระบบชาร์จ จากการประเมินราคาเบื้องต้นอยู่ที่ 5 แสนบาท ซึ่งถูกกว่าการจัดซื้อจากต่างประเทศอย่างน้อย 5 แสน ถึง 1.2 ล้านบาท
3.วัคซีนสำหรับกุ้ง โดยมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ผศ.ดร.สมพร ดิเรกบุษราคม และคณะ เจ้าของผลงาน เป็นสารกระตุ้นภูมิคุ้มกันที่พัฒนาโดยศูนย์วิจัยเพื่อความเป็นเลิศด้านกุ้ง ใช้สำหรับผสมอาหารให้กุ้งกินในอัตรา 5 กรัมต่ออาหาร 1 กก. ให้กินทุกมื้อเป็นเวลา 1 วันจะป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคตายด่วน(EMS)และเชื้อไวรัส WSSV ที่เป็นสาเหตุของโรคไวรัสตัวแดงดวงขาว
4.ระบบควบคุมสำหรับโรงเพาะเห็ดถั่งเช่าแบบอัตโนมัติ โดยมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี จักรี ศรีนนท์ฉัตร เจ้าของผลงาน เป็นระบบที่ออกแบบเพื่อใช้ควบคุมสภาพแวดล้อมและปัจจัยที่สำคัญสำหรับการเติบโตของเห็ดถั่งเช่าแบบอัตโนมัติ เช่น อุณหภูมิต่างๆ ความชื้น การออกแบบระบบฆ่าเชื้อ ระบบดูดคาร์บอน รวมถึงมีการเก็บข้อมูลต่างๆ ผ่านระบบ online data logger ทั้งนี้ระบบดังกล่าวจะช่วยให้เห็ดถั่งเช่าสามารถสร้างสาร คอร์ไดซิปินได้อย่างสมบูรณ์
5.เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าสำหรับระบบ Smart Grid โดยมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ผศ.ดร.ธีรธรรม บุณยะกุล เจ้าของผลงาน เป็นเครื่องชาร์จสามารถเพิ่มลดกระแสชาร์จได้อัตโนมัติเพื่อลดภาระของหม้อแปลงไฟฟ้าเฉลี่ยโหลดให้ชาร์จรถได้หลายๆ คันพร้อมกัน โดยไม่ทำให้อุปกรณ์ในระบบไฟฟ้าของการไฟฟ้าเสียหายและเป็นการลด peak ในการผลิตไฟฟ้าด้วย
6.เสน่ห์ผ้าไหมแพรวาเอกลักษณ์ ผ้าไทย จ.กาฬสินธุ์ โดยมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนครดร.จรัลพิมพ์ วังเย็น เจ้าของผลงาน เป็นการใช้องค์ความรู้ ด้านการออกแบบและพัฒนามาเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างคุณค่าให้แก่ ผ้าไหมแพรวา เอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของชาวกาฬสินธุ์ที่มีคุณค่าผ่านการแปรรูปเสื้อผ้าอาภรณ์ที่มีเอกลักษณ์
7.การปรับปรุงคุณภาพอัญมณีโดยใช้เทคโนโลยีด้วยความร้อนและความดัน โดยสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติทนง ลีลาวัฒนสุข เจ้าของผลงาน เป็นการศึกษาการเปลี่ยนแปลงของพลอยไพลินที่ผ่านการปรับปรุงคุณภาพด้วยความร้อนและความดัน เปรียบเทียบกับพลอยที่ปรับปรุงคุณภาพจากผลงานวิจัยก่อนหน้า เพื่อจัดทำระบบการตรวจสอบวิเคราะห์ที่ชัดเจนและถูกต้อง
8.การพัฒนาจักรเย็บผ้าอุตสาหกรรมเพื่อใช้งานสำหรับคนพิการขา โดยมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร ผศ.ดร.ศรัทธา แข่งเพ็ญแข เจ้าของผลงาน เป็นการออกแบบพัฒนาและสร้างอุปกรณ์ช่วยเย็บที่ติดตั้งกับจักรเย็บผ้าอุตสาหกรรมเพื่อช่วยในการใช้งานสำหรับคนพิการขา ซึ่งจะช่วยส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนพิการ
9.ระบบผนังคอมโพสิตแบบวาฟเฟิลโดยมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ตะวันออก ทนงศักดิ์ อิ่มใจ เจ้าของผลงาน เป็นระบบที่ประกอบไปด้วยวัสดุประกบบนล่าง ซึ่งทำมาจากวัสดุประเภทซีเมนต์บอร์ดและแกนกลางซึ่งเป็นวัสดุมวลเบาทำจากโฟมและคอนกรีตมวลเบาผสมเม็ดโฟมทำให้มีคุณสมบัติเด่นเป็นฉนวนกันความร้อนและไม่ติดไฟ มีความปลอดภัยต่อผู้ใช้อาคาร
10.ผลิตภัณฑ์นวัตกรรมอาหารจากฟักทอง โดยมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ดร.ภัทรภรณ์ ศรีสมรรถการเป็นการแปรรูปฟักทองเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย


แสดงความคิดเห็น

[fbcomments count="off" num="5"]