
ไทยโพสต์ ฉบับวันที่ 08 สิงหาคม พ.ศ. 2561
ที่ห้องแหล่งเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (STEM LAB)
อาคารวิทยาศาสตร์ 1 โรงเรียนจุฬาภรณราชวิทยาลัย จ.ชลบุรี: ดร.อ้อมใจ ไทรเมฆ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) หน่วยงานภายใต้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) เป็นประธานเปิดจัดกิจกรรม “การอบรม Fabrication Lab ทางเทคนิคสำหรับมหาวิทยาลัยพี่เลี้ยง” พร้อมด้วยนางสาวพิรดา เตชะวิจิตร์ นักวิเคราะห์นโย บาย สำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ (สวทน.) และอาจารย์ในเครือข่ายมหาวิทยาลัยพี่เลี้ยง 10 แห่งทั่วประเทศ กว่า 30 คน เข้าร่วมการอบรม
ดร.อ้อมใจกล่าวว่า โครงการนี้เป็นโครงการตามนโยบายวิทย์สร้างคนของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ที่ได้รับงบประมาณ Big Rock จากรัฐบาล มีเป้าหมายการพัฒนากำลังคนด้าน STEM โดยสร้างพื้นฐานให้เยาวชนในช่วงชั้นมัธยมศึกษาและอาชีวศึกษาให้มีทักษะด้านวิศวกรรม มีความคิดสร้างสรรค์ สามารถนำความรู้มาทดลอง สร้างนวัตกรรมได้ และสร้างเส้นทางอาชีพสู่วิศวกรวิจัย วิศวกรออกแบบ และนวัตกรต่อไปในอนาคต
มหาวิทยาลัยพี่เลี้ยง 10 แห่ง ได้แก่ 1.มหา วิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ 2.มหาวิท ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา 3.มหาวิทยา ลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี 4.มหาวิทยาลัย เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี 5.สถาบันเทคโนโล ยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง 6.มหาวิท ยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ 7.มหาวิทยาลัยบูรพา 8.มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 9.มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ 10.มหาวิทยาลัย สงขลานครินทร์
สำหรับกลุ่มเป้าหมายเชิงปริมาณในโครงการแฟ้บแล็บ (Fab Lab) ตั้งเป้าให้เด็กและเยาวชนในระดับมัธยมศึกษาและอาชีวศึกษา ที่มีความสนใจในวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และมีทักษะวิศวกรรมไม่ต่ำกว่า 15,000 คน ครูไม่ต่ำกว่า 800-1,000 คนเข้าร่วมกิจกรรม โดยมีสถานศึกษาและแหล่งเรียน
รู้เข้าร่วมในโครงการไม่ต่ำกว่า 150 แห่งในทุกภูมิภาค นอกจากนั้นแล้ว ในเชิงคุณภาพได้กำหนดให้มีการพัฒนาชิ้นงานหรือโครงงานไม่ต่ำกว่า 150 ชิ้นงานที่ใช้ได้จริง และ 300 ชิ้นงานสามารถส่งเข้าประกวดในระดับภูมิภาค ประเทศและนานาชาติ สามารถสร้างผลลัพธ์ให้เยาวชนเรียนต่อด้านวิศวกรรมศาสตร์ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 50 ของเยาวชนที่เข้าร่วมโครงการ ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมนโยบายการสร้างนักนวัตกรของรัฐบาล เพื่อสร้างกำลังคนในการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมไทยอย่างมั่นคงและยั่งยืน
นายศุภวัฒน์ ชูวารี อาจารย์พิเศษ มหา วิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ ตัวแทนอาจารย์มหาวิทยาลัยพี่เลี้ยง กล่าวว่า ปัจจุบันการเรียนการสอนแต่ละสาขาเปิดกว้างมากขึ้น แต่หากเทียบสัดส่วนบัณฑิตที่จบ 1,000 คนนั้น จะมีเพียง 10 เปอร์เซ็นต์ที่เรียนสายวิศวกรรมเพื่อผลิตนวัตกรรม หรือไม่เกิน 100 คนเท่านั้น ซึ่งอาจจะยังไม่เพียงพอต่อการขับเคลื่อนประเทศไทยในยุคไทยแลนด์ 4.0 ที่ต้องขับเคลื่อนด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมเป็นสำคัญ ดังนั้นโครงการโรงประลองต้นแบบทางวิศวกรรม (Fabrication Lab) น่าจะเป็นรากฐานที่ดีในการพัฒนาทักษะความเป็นนวัตกรให้แก่เด็กและเยาวชน เพื่อยกระดับความรู้วิทยาศาสตร์สู่การลงมือทำในเชิงวิศวกรรมให้อยู่ในทักษะของเยาวชนไทย ทั้งนี้ อาจารย์มหาวิทยาลัยพี่เลี้ยงใน
โครงการแฟ้บแล็บ (Fab Lab) เปรียบเสมือนรุ่นพี่ ซี่งเยาวชนโดยเฉพาะมัธยมปลายและสถานศึกษาต่างๆ ถือเป็นจุดหัวเลี้ยวหัวต่อที่พวกเขาจะค้นหาตัวเองว่าชอบอะไร ไม่ว่าจะไปสายวิทยาศาสตร์ สายวิศวกร หรือสายช่าง ซึ่งโครงการดังกล่าวเป็นการผนวกองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และวิศวกรรม ซึ่งอาจจะเป็นอีกช่องทางให้เยาวชนไทยมีมุมมอง แนวความคิด ตลอดจนช่วยเพิ่มทักษะการวิเคราะห์การทำงานด้านวิศวกรรม เพื่อผลิตชิ้นงานหรือนวัตกรรมได้ด้วยตัวเอง
นายศุภวัฒน์กล่าวด้วยว่า โครงการดังกล่าวปัจจัยสำคัญอยู่ที่การส่งเสริมทักษะทางด้านวิศวกรรมให้กับเยาวชนไทย โดยเฉพาะการยกระดับทักษะและองค์ความรู้ของวิศวกรในสถานศึกษา ซึ่งมีส่วนสำคัญอย่างมากในการช่วยให้
ห้องเรียนในสถานศึกษาและแหล่งเรียนรู้ที่มีองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์พื้นฐานอยู่แล้ว ได้ผนวกเอาองค์ความรู้เรื่องโครงสร้างและการออกแบบเชิงวิศวกรรมเข้าไปช่วยเปิดโลกทัศน์ให้เยาวชนได้เรียนรู้กว้างขึ้น อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าโครงการนี้ไม่ได้มุ่งหวังให้เยาวชนเป็นวิศวกรทั้งหมด แต่เป็นการบ่มเพาะและสร้างโอกาสในการเรียนรู้ด้านวิศวกรรม เพื่อเติมเต็มให้กับเยาวชนไทย นำองค์ความรู้ไปต่อ ยอดในการเรียนระดับมหาวิทยาลัยและไปสู่เส้นทางอาชีพนักนวัตกร รวมทั้งอาจจะช่วยเพิ่มสัดส่วนกำลังคนด้านวิศวกรรมขึ้นอย่างต่อเนื่องในอีก 3-5 ปีข้างหน้าด้วย ซึ่งถือเป็นกำลังหลักสำคัญของประเทศในการพัฒนาอุตสาหกรรมยุค 4.0 ให้ประเทศไทยมีขีดความสามารถในการแข่งขันกับนานาชาติและยกระดับเศรษฐกิจของประเทศไทยต่อไป.