3ปีส่งขายนอกได้ มทร.ธัญบุรีจับมือเอกชนวิจัยกัญชา

เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2562
เร่งวิจัยกัญชาใน 3 ปี ส่งขายนอก มทร.ธัญบุรี จับมือภาคเอกชน สกัดเป็นยารักษาโรค คัดหัวกะทิทั้งแพทย์แผนไทย-เภสัชกรแผนไทยเภสัชกรแผนปัจจุบัน-นักวิทยาศาสตร์-นักเทคโน โลยีชีวภาพ เร่งผลิตตั้งแต่ขั้นตอนแรก จนถึงทำเป็นยาสมุนไพร ก่อนต่อยอดส่งขายต่างประเทศ ชี้ ถ้าไม่มีผลข้างเคียง ประชาชนจะมียาที่มีคุณภาพและราคาถูก เพราะคนไทยผลิตใช้เอง
เมื่อวันที่ 13 พ.ค. ที่มหาวิทยาลัยเทคโน โลยีราชมงคลธัญบุรี (มทร.ธัญบุรี) นายวิรัช โหตระโวศยะ รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี เป็นประธานในการลงนามบันทึกข้อตกลง ความร่วมมือดำเนินการศึกษาวิจัยกัญชา เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ ระหว่างวิทยาลัยการแพทย์แผนไทยราชมงคลธัญบุรี กับโรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจเอสพี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เพื่อก่อให้เกิดความร่วมมือการศึกษาและวิจัยกัญชา เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ ที่ครอบคลุมกระบวนการตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ประกอบด้วย ร่วมมือในการพัฒนาสายพันธุ์ การทดลองเพาะปลูกเพื่อคัดสายพันธุ์ที่เหมาะกับสภาพอากาศประเทศไทย การวิจัยเพื่อให้เกิดประโยชน์ด้านการแพทย์ ไปจนถึงการผลิตเป็นยาสมุนไพร ที่สามารถนำออกจำหน่ายเชิงพาณิชย์ ให้ประชาชนเข้าถึงได้จริง
นายวิรัช กล่าวว่า ในส่วนของการผลิตกัญชาสู่ยารักษาโรคถือว่าเป็นความสำคัญของการร่วมมือในครั้งนี้ โดยทางมหาวิทยาลัยฯ จะเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนการพัฒนาสายพันธุ์ และหาปัจจัยในการปลูกที่เหมาะสมที่สุด เพื่อให้ได้สารสำคัญทางยา เช่น กระบวนการควบคุมความชื้น กระบวนการควบคุมอุณหภูมิและแสงแดด คาดว่าการลงทุนทำสมาร์ทฟาร์มเพื่อการปลูกกัญชา ก่อนที่จะส่งมอบไปยังบริษัท เพื่อดำเนินการต่อไป ทั้งนี้เชื่อมั่นว่าการลงนามครั้งนี้จะเกิดผลสัมฤทธิ์ เนื่องจากทางบริษัทเองมีความเชี่ยวชาญด้านการผลิตยา เป็นที่ยอมรับในระดับสากล อีกทั้งมีบุคลากรทางแพทย์แผนไทย เภสัชกรแผนไทย เภสัชกรแผนปัจจุบัน นักวิทยาศาสตร์ นักเทคโนโลยีชีวภาพ ซึ่งมีความพร้อมในการพัฒนาผลิตภัณฑ์กัญชา ท้ายสุดหวังว่างานวิจัยครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ ต่อประเทศชาติและประชาชนต่อไป
ด้านนายสิทธิชัย แดงประเสริฐ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทเจเอสพีฯ กล่าวว่า สำหรับความร่วมมือเรื่องการปลูกกัญชาครั้งนี้ ถือเป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือของภาครัฐและเอกชน เพื่อจะได้ดำเนินการต่อในส่วนของการแจ้งกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ในวันที่ 15 พ.ค.นี้ คาดว่าจะใช้เวลาในการได้รับอนุญาตในช่วงปลายปี 62 ซึ่งในส่วนของบริษัทได้เตรียมความพร้อมทั้งด้านเอกสาร รวมถึงพื้นที่ของโรงงานเป็นแปลงทดลองปลูกกัญชา ซึ่งเป็นพื้นที่ไว้สำหรับการพัฒนาสมุนไพรและกัญชา เพื่อทำยาแผนโบราณ 60 ไร่ โดยอาศัยองค์ความรู้จากต้นแบบของคณะเกษตรและวิทยาลัยแพทย์แผนไทย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรีมาต่อยอด
ด้าน นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ รองเลขาฯอย. เปิดเผยว่า ระบบการแจ้งครอบครองกัญชา ทางอินเทอร์เน็ตกับ อย.แล้วสามารถลงทะเบียนได้ ส่วนใหญ่ที่แจ้งมาขณะนี้ยังเป็นโรคที่ไม่ควรต้องใช้กัญชา ส่วนกลุ่มจำเป็นต้องใช้ เท่าที่แจ้งครอบครองมีไม่ถึง 100 คน จากนั้นจะประสานองค์การเภสัชกรรม (อภ.) จะได้สารสกัดกัญชาในอีก 2 เดือน.

แสดงความคิดเห็น

[fbcomments count="off" num="5"]