คม ชัด ลึก ฉบับวันที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2562
ชุลีพร อร่ามเนตร
qualitylife4444@gmail.com
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี ราชมงคล (มทร.) ธัญบุรี เข้าร่วมโครงการหลักสูตรบัณฑิตพันธุ์ใหม่เสนอ 8 หลักสูตร เมื่อปี 2561 ปัจจุบันนักศึกษาที่เรียนในหลักสูตรบัณฑิตพันธุ์ใหม่กำลังเข้าสู่ปีที่ 2 ซึ่งจากการตรวจสอบของคณะกรรมการ ตรวจสอบของสภามหาวิทยาลัย มทร.ธัญบุรี โดยการประเมินสอบถามจากคณาจารย์ประจำหลักสูตรและผู้ประกอบการ พบว่าเด็กเรียนอย่างมีความสุขและเป็นนักปฏิบัติที่สามารถทำงานได้จริงในสถานประกอบการ ล่าสุดได้ขออนุมัติหลักสูตรบัณฑิต พันธุ์ใหม่อีก 29 หลักสูตร ประกอบด้วยหลักสูตรประเภทปริญญา 13 หลักสูตร ส่วนประเภทประกาศนียบัตร 16 หลักสูตร คาดว่าจะเปิดรับนักศึกษาในปี 2563
วิสิทธิ์ ล้อธรรมจักร รองอธิการบดี มทร.ธัญบุรี อธิบายว่า เทรนด์ของเด็กรุ่นใหม่ไม่อยากเรียนในสิ่งที่ตนเองไม่รู้ว่าเรียนไปทำไม และอยากเรียนสั้นๆ ทำงานได้ทันที ไม่สนใจปริญญา หลักสูตรของ มทร.ธัญบุรี มุ่งการสร้างบัณฑิตนักปฏิบัติ ทั้งในมหาวิทยาลัยและสถานประกอบการ แต่ต้องยอมรับว่าที่ผ่านมาได้เพียงช่วงเวลาหนึ่งเมื่อเป็นหลักสูตรบัณฑิตพันธุ์ใหม่เด็กต้องไปเรียนในสถานประกอบการ 50% และเรียนในมหาวิทยาลัย 50% เด็กๆ ฝึกให้ ทำจริง ถูกจริตกับเด็กเทรนด์ใหม่ อนาคตเชื่อว่าจะเป็นทางเลือกให้เด็กหันมาสนใจเรียนอุดมศึกษามากขึ้น
ทั้งนี้ที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพื่อส่งเสริมพัฒนาการการเรียนรู้ของเด็ก พัฒนาคณาจารย์ และออกแบบหลักสูตรทำงานร่วมกับสถานประกอบการให้ดียิ่งขึ้นโดยได้ร่วมกับสถานประกอบการ ออกแบบดีไซน์หลักสูตร นักศึกษาได้ไปเรียน ฝึกงานในสถานประกอบการ และอาจารย์ได้ไปฝังตัวในสถานประกอบการ ทำให้ พวกเขาได้เห็นการทำงานจริง ได้เห็น เครื่องมืออุปกรณ์ที่ใช้ในโรงงาน และได้องค์ความรู้ใหม่ๆ
โดยเฉพาะนักศึกษาสิ่งที่เห็นได้ชัดคือพวกเขาได้เข้าใจอาชีพตนเองได้ดีขึ้น เข้าใจว่าเรียนไปเพื่ออะไร จะปรับตัวได้ดีขึ้นอย่างไร มีโอกาสเห็นภาพการทำงานจริง รู้ว่าจะเจออะไร จะต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบไหน ทำงานอย่างไร ทำให้เขาสนุก ในการเรียนรู้และอยากเรียนรู้มากขึ้น ที่สำคัญทำให้นักศึกษารู้จักตนเองมากขึ้น
ทั้งนี้ มทร.ธัญบุรี ยกระดับเป็นมหาวิทยาลัยนวัตกรรมจากบัณฑิตนักปฏิบัติ เป็นบัณฑิตนักนวัตกรรมลงมือทำแล้ว ต้องมีทักษะกระบวนการคิด วิเคราะห์ แก้ปัญหา เป็นนักพัฒนานวัตกรรม ตลอด 6 ปีที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยได้ใช้งบประมาณในการส่งเสริมการเรียนรู้คณาจารย์ฐานสมรรถนะ พร้อมพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนให้แก่อาจารย์
“อยากให้รัฐบาลคงนโยบายไว้และสนับสนุนอย่างจริงจังโครงการหลักสูตรบัณฑิตพันธุ์ใหม่เห็นผลตั้งแต่ปีแรก เด็กมี สมรรถนะอาชีพ อยากให้สร้างแรงจูงใจในภาคเอกชน ร่วมลงทุนในการผลิตกับมหาวิทยาลัย เช่น มีค่าตอบแทน หรือนำไปลดหย่อนภาษีได้โดยที่ขั้นตอนไม่ยุ่งยากอย่างเช่นในปัจจุบัน” รองอธิการบดี มทร.ธัญบุรี กล่าว
สุเมธ แย้มนุ่น ที่ปรึกษาคณะกรรมการตรวจสอบของสภามหาวิทยาลัย มทร.ธัญบุรี กล่าวว่า หลักสูตรบัณฑิตพันธุ์ใหม่มหาวิทยาลัยได้กำหนดคุณลักษณะของบัณฑิตที่มีความชัดเจน สอดคล้องกับความต้องการตามที่กำหนดไว้ใน 10 อุตสาหกรรม S-Curve และบูรณาการจัดการเรียนการสอนกับสถานประกอบการ 50:50 มีการประเมินที่บ่งบอกชัดเจนว่าผลิตบัณฑิตสอดคล้อง กับความต้องการของสถานประกอบการ ขณะเดียวกันอาจารย์ผู้สอนได้ความรู้จากสถานประกอบการ ได้ปรับเปลี่ยนวิธีคิดแทนที่จะให้นักศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัย ฝึกจากห้องปฏิบัติการในมหาวิทยาลัย หรือฝึกในสถานประกอบการช่วงระยะเวลาสั้นๆ ทักษะที่เกิดขึ้นกับนักศึกษาจะไม่มีทางเกิดขึ้นแน่นอน
“นักศึกษาที่เรียนทั้ง 8 หลักสูตรมีความสุขในการเรียน และพร้อมทำงานในอนาคต ซึ่งมทร.ธัญบุรี ได้พัฒนา หลักสูตรตามแพลตฟอร์มที่ สกอ.กำหนด ทำให้เกิดการปรับตัวและเกิดการเรียนรู้สถานประกอบการ มีความเชื่อมั่นว่าสามารถผลิตบุคลากรตรงกับความต้องการ มีทักษะ สมรรถนะสอดคล้องคาดว่าในอนาคตจะ พัฒนาหลักสูตรที่มี 180 กว่าหลักสูตรให้เป็นหลักสูตรบัณฑิตพันธุ์ใหม่ โดยจะขยายไปยังหลักสูตรอื่นๆ ให้มากขึ้น เร็วขึ้น เพื่อทำให้การเรียนรู้สอดคล้องกับทักษะโลกอนาคตให้มากขึ้น”
พัฒนาบัณฑิตพันธุ์ใหม่
นโยบายรัฐบาลในการพัฒนาคนไทยให้มีความพร้อมในการดำรงชีวิตในศตวรรษที่ 21 เพื่อให้คนไทยในอนาคตเป็นพลังขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างมีแบบแผนได้อย่างมีประสิทธิภาพ หนึ่งในนั้นคือการพัฒนาบัณฑิตพันธุ์ใหม่ โดยปรับโครงสร้างหลักสูตรการศึกษาให้ทันสมัย มีการนำเทคโนโลยีและการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์จริงเข้ามามีส่วนในการจัดการเรียนการสอน และปรับระบบดึงดูด การคัดเลือก การผลิตและพัฒนาครูที่นำไปสู่การมีครูสมรรถนะสูงเป็นครูยุคใหม่ที่สามารถออกแบบและจัดระบบการสร้างความรู้ สร้างวินัย กระตุ้น และสร้างแรงบันดาลใจ เปิดโลกทัศน์มุมมองของเด็กและครูด้วยการสอนในเชิงแสดงความคิดเห็นให้มากขึ้นควบคู่กับหลักการทางวิชาการ
นอกจากนี้ต้องจัดการศึกษาเชิงบูรณาการกับการทำงานเพื่อพัฒนาสมรรถนะของผู้เรียนทั้งในส่วนฐานความรู้และระบบความคิดในลักษณะสหวิทยาการ และตรงกับความต้องการของประเทศในอนาคต เป็นผู้เรียนที่สามารถปฏิบัติได้จริงและสามารถกำกับการเรียนรู้ของตนเองได้ รวมถึงมีทักษะด้านภาษาอังกฤษและภาษาที่สามที่สามารถสื่อสารและแสวงหาความรู้ได้ มีความพร้อมทั้งทักษะความรู้ ทักษะอาชีพ และทักษะชีวิตก่อนเข้าสู่ตลาดแรงงาน
ทักษะชีวิตสำคัญกว่าวิชาการ
ภัทรานันท์ ทองประภาฬ หรือ แอน ผู้เข้าร่วมอบรมโครงการ Palungpracharat Internship Program หรือ PIP พลังประชารัฐรุ่นที่ 1 กล่าวว่า จะเป็นการดีต่อคนรุ่นใหม่ที่เติบโตมาพร้อมโลกดิจิทัล ถ้ามีสถานศึกษาจัดหลักสูตรที่ตอบสนองคนรุ่นใหม่เพื่อให้พวกเขาเติบโตมาเท่าทันโลกยุคนี้ สนับสนุนและให้โอกาสได้เรียนรู้ ทั้งทฤษฎีและการปฏิบัติ เพิ่มพูนทักษะชีวิตและมีควรโอกาสได้ลองผิดลองถูก ในการทำธุรกิจต่างๆให้มากที่สุด เพราะคนรุ่นใหม่เติบโตมาพร้อมโลกดิจิทัล ทำให้มองเห็นโอกาสของการทำธุรกิจและการเติบโตในยุคของเขา
“การศึกษาในบ้านเราแต่ละวันใช้เวลาในการเรียนมาก ตั้งแต่เช้าจดเย็น ในต่างประเทศเขาเรียนถึงบ่าย 2 จากนั้นโรงเรียนจะเปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้ทำในสิ่งที่แต่ละคนชอบ เล่นกีฬา ดนตรี หรือศึกษาค้นคว้าตามความสนใจของแต่ละคน และไม่ได้ให้ความสำคัญกับการเรียนวิชาการมากเท่าประเทศไทย ทำให้เด็กไม่เครียดและมีโอกาสได้ลองผิดลองถูกในสิ่งที่อยากทำ หากมีโรงเรียนและมหาวิทยาลัยไทยจัดหลักสูตรที่เอื้อการเรียนแบบนี้เชื่อว่าเด็กไทยก็มีความสามารถไม่ต่างจากชาติอื่น”
แอน เรียนการศึกษาขั้นพื้นฐานที่ออสเตรเลีย เรียน BA Communication Design ที่ Chulalongkorn University และไปเรียน MA Advertising & Design ที่ University of Leeds มีประสบการณ์ Marketing Associate ที่ Plan B Media Public Company Limited และ Creative Planner ที่ index creative village ปัจจุบันเป็นอายุ 28 ปี เป็น ASSISTANT MANAGING DIRECTOR ที่ Three Sukhumvit Hotel
การที่มีโอกาสได้แลกเปลี่ยน เรียนรู้กับ ธรินทร์ ธนียวัน กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย ผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่ มาพร้อมแนวคิดสำคัญในการทำธุรกิจ ที่ว่า “เราโตคนเดียวไม่ได้” และอุกฤษ อุณหเลขกะ ผู้ร่วมก่อตั้ง Ricult แพลตฟอร์มเพื่อเกษตรกรไทยแนวคิด การทำธุรกิจเพื่อสังคม จากโครงการ PIP ก็เป็นอีกโอกาสหนึ่งที่ได้เพิ่มเติม องค์ความรู้ด้านต่างๆ ให้มากขึ้น
“เทรนด์เด็กรุ่นใหม่ไม่อยากเรียนในสิ่งที่ไม่รู้ว่า เรียนไปทำไม แต่หลักสูตรบัณฑิตพันธุ์ใหม่ทำให้เขารู้ว่าเรียนไปทำไม”
วิสิทธิ์ ล้อธรรมจักร



