
กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 04 ธันวาคม พ.ศ. 2563
กรุงเทพธุรกิจ
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี (มทร.ธัญบุรี) ส่งเสริมการจัดตั้งวิสาหกิจชุมชนเพื่ออัพไซคลิ่งขยะพลาสติกทะเลเป็น วัสดุก่อสร้าง เป็นครั้งแรกของประเทศ สนับสนุน 2 พื้นที่ชายทะเล ชุมชนบ้านอำเภอ จังหวัดชลบุรี และ ชุมชนบ้านขุนสมุทรจีน จังหวัดสมุทรปราการ โดย 2 พื้นที่ชายทะเล ที่มีบริษัทพื้นที่แตกต่างกัน
พื้นที่ชุมชนบ้านอำเภอ เทศบาลตำบลนาจอมเทียน อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี มีประชากร 8,161 คน ซึ่งเป็นชุมชนท่องเที่ยวเชิงกีฬา ที่มีกิจกรรมเฉพาะเจาะจง ทั้งนักปั่นจักรยานและนักกีฬาทางน้ำ มีขยะจากชุมชนและขยะจากกิจกรรมการประกอบอาชีพประมงในพื้นที่ ปริมาณขยะพลาสติกจากชุมชน 1,140 ตัน/ปี จากทะเล 18.18 ตัน/ปี
ส่วนพื้นที่ชุมชนบ้านขุนสมุทรจีน ตำบลแหลมฟ้าผ่า อำเภอ พระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ มีประชากร 380 คน ซึ่งเป็นชุมชนท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์มีอายุกว่า 300 ปี มีการพัฒนารูปแบบชุมชนเป็นที่พักแบบโฮมสเตย์ มีขยะจากชุมชนและขยะที่มาจากทะเลซึ่งพัดพามาจากแหล่งอื่นทั้งในประเทศและต่างประเทศ ปริมาณขยะพลาสติกจากชุมชน 56.6ตัน/ปี ขยะจากทะเล 8 ตัน/ปี ให้สามารถผลิตวัสดุก่อสร้างจากพลาสติกทะเลไทยให้สามารถสร้างรายได้ให้ชุมชนและนำไปใช้ประโยชน์สาธารณะ
อ.ดร.ประชุม คำพุฒ หัวหน้าหน่วยวิจัยวัสดุที่เป็นมิตรต่อ สิ่งแวดล้อม และรองผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจเชิงพาณิชย์ สำนักความ ร่วมมืออุตสาหกรรม กล่าวว่า ปัจจุบันขยะทะเลไทยยังเป็นปัญหาสำคัญที่ทุกภาคส่วนพยายามหาทางแก้ไข มีการคัดแยกขยะ และหาวิธีบริหารจัดการหลากหลาย ทำให้มีแนวโน้มดีขึ้นตามลำดับ จนกระทั่งเกิดสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด19 ส่งผลให้เกิดการหยุดชะงักของกระบวนการ เกิดขยะตกค้างและเพิ่มขึ้นในปริมาณมาก โดยเฉพาะขยะพลาสติกจากการอุปโภคบริโภคเพื่อความปลอดภัย และขยะ จากหน้ากากอนามัย เหล่านี้ เป็นต้น ซึ่งขยะจำนวนมากได้เคลื่อนตัวลงสู่ทะเล ไปสะสมรวมกับขยะที่เกิดจากในทะเลสร้างมลภาวะให้กับสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม
ปัญหาหลักของขยะพลาสติกจากทะเลนั้น ถึงแม้ว่าจะมีการ คัดแยกประเภทได้ก็ตาม ก็ยังไม่สามารถหมุนเวียนกลับสู่ระบบการ รีไซเคิลได้ เนื่องจากที่ได้จากทะเลโดนทั้งความชื้นและแสงแดด ที่มักเป็นตัวเร่งให้พลาสติกเสื่อมสภาพ ประกอบกับสิ่งมีชีวิตในน้ำเค็ม มักจะไปเจริญเติบโตในขยะเหล่านั้น เช่น ตะไคร่น้ำ เพรียง ฯลฯ ได้เคยมี ผู้ประกอบการบอกว่า ไม่นำขยะทะเลไปใช้ประโยชน์รีไซเคิล เพราะมีความเค็ม ทำให้เครื่องจักร เครื่องมือเกิดสนิมเร็วกว่าปกติ ไม่คุ้มกับการรีไซเคิล ปัจจุบันขยะพลาสติกทะเลต้องนำไปกำจัดทิ้ง เท่านั้น ดังนั้นจึงควรหาวิธีการอัพไซคลิ่งขยะพลาสติกทะเลเหล่านี้ ให้เกิดประโยชน์ให้ได้
ในปีที่ผ่านมาการนำขยะพลาสติกที่แยกประเภทแล้วสามารถ นำไปเพิ่มมูลค่าเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ได้ทั้งกระเบื้องยางปูพื้น แผ่นผนัง สามมิติ ถังขยะขึ้นรูปแบบหมุน กระถางต้นไม้ เป็นต้น ส่วนขยะพลาสติกที่เหลือจากการแยกประเภทแล้วไม่สามารถนำไปทำผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ได้ สามารถนำมาผลิตเป็นกระเบื้องคอนกรีตปูพื้น คอนกรีตบล็อกประสานปูพื้น คอนกรีตบล็อกก่อผนัง และขอบคันหิน ซึ่งในภาพรวมจะเป็น การใช้ขยะพลาสติกทุกชนิดให้หมดไป (Zero waste)
การนำขยะพลาสติกจากทะเลประเภทโพลีเอทิลีน โพลีโพรไพลีน มาผสมกับน้ำมันเครื่องใช้แล้ว ในอัตราส่วนขยะพลาสติกกับ น้ำมันเครื่องใช้แล้วอย่างละ 50% ป้อนวัตถุดิบเข้าสู่เครื่องไพโรไลซิส โดยให้ความร้อนที่ 450 องศาเซลเซียส ภายใต้บรรยากาศก๊าซไนโตรเจน เราจะได้ผลิตภัณฑ์น้ำมันเชื้อเพลิงทดแทนในปริมาณ 80% ของวัตถุดิบหรือเทียบได้จากขยะพลาสติกผสมกับน้ำมันเครื่องใช้แล้ว 1 กิโลกรัม ได้น้ำมันเชื้อเพลิงทดแทน 1 ลิตร ผลิตภัณฑ์น้ำมันที่ได้ สามารถนำมาใช้ทดแทนน้ำมันเตาหรือใช้กับเครื่องยนต์ดีเซล สำหรับเครื่องยนต์ทางการเกษตรหรือใช้ผลิตกระแสไฟฟ้าได้ การผลักดันให้เกิดการจัดตั้งวิสาหกิจชุมชนจากขยะทะเลใน ปี 2564 นี้ เป็นงานวิจัยเฟส 2 ของแผนงาน “ทะเลไทยไร้ขยะ” ที่ได้รับการ สนับสนุนงบประมาณจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) เพื่อให้ชุมชนสามารถจัดตั้งวิสาหกิจชุมชนได้ในปี 2564 และสามารถดำเนินกิจการให้เข้มแข็ง สามารถกำจัดขยะพลาสติกทั้งหมดจากพื้นที่ได้ภายใน 5 ปี พร้อมกับขยายผลความสำเร็จไปสู่พื้นที่อื่น ๆ ต่อไป