
เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 07 มีนาคม พ.ศ. 2564
นภาพร พานิชชาติ
napapornp@dailynews.co.th
จากข้อมูลของสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย ระบุว่า ขยะที่เกิดจากหน้ากากอนามัยใช้แล้วทั่วประเทศมีประมาณ 1.5-2 ล้านชิ้นต่อวัน
หน้ากากอนามัยกลายมาเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญในชีวิตประจำวัน ทั้งจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา รวมไปถึงจากมลพิษทางอากาศ PM2.5 ที่เกิดจากการกิจกรรมน้ำมือมนุษย์ อย่างการเผาขยะพืชผลทางการเกษตร การก่อสร้าง อุตสาหกรรม และท่อไอเสียรถยนต์ ที่ผ่านมาภาครัฐได้จัดทำถังขยะสีแดง-ส้ม สำหรับทิ้งขยะหน้ากากอนามัย และทำลายในเตาเผามูลฝอยติดเชื้อ แต่ยังมีหน้ากากอนามัยอีกจำนวนไม่น้อยที่ไม่ผ่านการทดสอบและไม่ได้มาตรฐานที่จะนำออกมาสู่การใช้งานจริง และหน้ากากอนามัยที่ผ่านการทดสอบเหล่านี้จะกลายเป็นขยะเช่นกัน
จากปัญหาที่เกิดขึ้น สำนักความร่วมมืออุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี ราชมงคลธัญบุรี (มทร.ธัญบุรี) ร่วม กับ หน่วยวิจัยสนามไฟฟ้าประยุกต์ในงานวิศวกรรม (Research Unit of Applied Electric Field in Engineering (RUEE)) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา (มทร.ล้านนา) ส่งต่อเทคโนโลยีการเพิ่มมูลค่าหน้ากากอนามัย หน้ากากผ้า และหน้ากาก N95 ที่เหลือทิ้งจากหน่วยงาน รับทดสอบหน้ากากและหน้ากากตกเกรด สู่ “อุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้างสีเขียว”
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วรนุศย์ ทองพูล ผู้อำนวยการสำนักความร่วมมืออุตสาหกรรม (สรอ.) มทร.ธัญบุรี กล่าวว่า ในปีที่ผ่าน มทร.ธัญบุรี ได้ดำเนินการเพิ่มมูลค่าขยะหน้ากากอนามัยที่ไม่ติดเชื้อเป็นแห่งแรกของประเทศ โดยมุ่งเน้นเป็นงาน DIY เช่น กระถางต้นไม้ และวัสดุตกแต่ง ต่าง ๆ ซึ่งได้รับความสนใจจากประชาชนทั่วไป เราจึงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาการเพิ่มมูลค่าขยะหน้ากากอนามัยในเชิงอุตสาหกรรมอย่างจริงจัง โดยเริ่มจากส่งเสริมให้เกิดวิสาหกิจชุมชนและพัฒนาต่อยอดไปสู่ผู้ประกอบการขนาดใหญ่ในอนาคต ได้ทำการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำการผลิตแปรรูปวัสดุก่อสร้างจากขยะหน้ากากอนามัย และพร้อมจะถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับวิสาหกิจชุมชนอื่น ๆ ที่สนใจนำไปพัฒนาต่อยอดได้อีกด้วย
รศ.ดร.พานิช อินต๊ะ หัวหน้าหน่วยวิจัยสนามไฟฟ้าประยุกต์ในงานวิศวกรรม (Research Unit of Applied Electric Field in Engineering (RUEE)) มทร.ล้านนา กล่าวว่า ขยะแผ่นกรองที่เหลือจากการผลิตและขยะหน้ากากที่ไม่ผ่าน QC มีจำนวน 3-5% ของการผลิตต่อวันเลยทีเดียว ในเดือนหนึ่งจะมีขยะแผ่นกรองและหน้ากากไม่ผ่าน QC แบบนี้เป็นร้อยกิโลกรัมต่อโรงงาน หรืออาจเป็นตัน ๆ สำหรับโรงงานที่มีกำลังการผลิตสูง การนำไปเผาทำลายหรือการฝังกลบอาจจะไม่ใช่วิธีการที่ดีนัก หน่วยวิจัย RUEE ได้มี ความร่วมมือกับโรงงานผลิตหน้ากากในจังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดลำพูน และหน่วยวิจัยวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม วิจัยและพัฒนาเพื่อนำขยะหน้ากากจากการผลิตไปเป็นวัสดุทดแทนที่ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน โดยทางหน่วยได้ทำการทดสอบหน้ากากตามมาตรฐาน มอก. พร้อมรับถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อไปผลิตในเชิงพาณิชย์ต่อไป
ด้าน อ.ดร.ประชุม คำพุฒ รองผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจเชิงพาณิชย์ สำนักความร่วมมืออุตสาหกรรม กล่าวเสริมว่า ขยะหน้ากาก ทั้งหน้ากากอนามัย หน้ากากผ้า และหน้ากาก N95 ส่วนประกอบหลัก ๆ ก็คือผ้าและพลาสติก ซึ่งเป็นปัญหาที่ยากต่อการกำจัดด้วยการเพิ่มมูลค่า ส่วนใหญ่จะใช้วิธีเผาในเตาซึ่งไม่เกิดประโยชน์อะไร จึงได้เริ่มงานวิจัยเฟสแรกในปีที่ผ่านมาโดยเป็นการนำขยะหน้ากากที่ไม่ติดเชื้อมาทำเป็นงาน DIY และงานวัสดุตกแต่ง และในปีนี้เป็นการพัฒนาต่อเพื่อการนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ โดยนำขยะหน้ากากที่ไม่ผ่าน QC ซึ่งมีจำนวนมากมายหลายตัน มาเป็นส่วนผสมทดแทนเส้นใยสังเคราะห์ในผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่ต้องการเสริมคุณสมบัติด้านการรับแรงดึง เช่น แผ่นฝ้าเพดานยิปซัม แผ่นซีเมนต์บอร์ด และนำไปใช้ผสมในบล็อกก่อผนังเพื่อลดน้ำหนัก และเพิ่มคุณสมบัติด้านการเป็นฉนวนป้องกันความร้อน ตลอดจนสามารถผสมในวัสดุปูพื้นและถนนทั้งการขึ้นรูปแบบปกติและการขึ้นรูปด้วยความร้อน ซึ่งหากขึ้นรูปด้วยวิธีการอัดร้อนที่อุณหภูมิสูงก็จะสามารถทำเป็นโต๊ะ เก้าอี้ เฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ ได้ด้วย
เป็นอีกหนึ่งแนวคิดและต่อยอดเพื่อเพิ่มมูลค่าของเหลือทิ้ง ให้กลับมาสร้างประโยชน์ได้อีกครั้ง.