
แนวหน้า ฉบับวันที่ 13 พ.ย. 2564
สัปดาห์นี้ “ที่นี่แนวหน้า” นำเรื่องราวจากวงเสวนาเล็กๆ ในเพจ “Surathai” ซึ่งเป็นเพจของเครือข่ายผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รายย่อยระดับท้องถิ่น เมื่อต้นเดือน พ.ย. 2564 กรณี “สมาคมคราฟท์เบียร์”พยายามขอยื่นจดทะเบียนเพื่อให้ได้รับการรับรองตามกฎหมาย ภายใต้อุปสรรคจากข้อจำกัดของกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่บรรดาผู้ประกอบการตลอดจนผู้ที่มีรสนิยมชมชอบเครื่องดื่มประเภทนี้ได้รวบรวมรายชื่อครบ 1 หมื่นชื่อ เสนอร่างแก้ไขหรือยกเลิกเข้าสู่รัฐสภาไปแล้ว มาบอกเล่ากับท่านผู้อ่าน
ประภาวี เหมทัศน์ ผู้ร่วมก่อตั้งสมาคมคราฟท์เบียร์เล่าว่า สมาคมฯ ได้ยื่นขอจดทะเบียนกับกรุงเทพมหานคร (กทม.) ตั้งแต่ปลายปี 2563 ซึ่งหลังจากนั้นทางสำนักงานเขตพญาไท ท้องที่ที่รับจดทะเบียน และกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ในฐานะผู้ตรวจสอบ ได้มีหนังสือแจ้งความคืบหน้ามาเป็นระยะๆ ว่าคำขอจัดตั้งสมาคมฯ นั้นถูกส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหน่วยงานใดตรวจสอบบ้าง
กระทั่งในช่วงปลายเดือน ต.ค. 2564 หนังสือแจ้งล่าสุด ระบุว่า กรมควบคุมโรค มีข้อท้วงติง “วัตถุประสงค์ของการก่อตั้งสมาคมขัดต่อ พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 รวมถึงสมาชิกสมาคมฯ บางคนเป็นผู้ฝ่าฝืนกฎหมายดังกล่าว” (หนังสือสำนักงานเขตพญาไท ที่ กท 4701/4672 ลงวันที่ 27 ต.ค. 2564 เรื่อง ขอจดทะเบียนจัดตั้งสมาคม ถึง น.ส.ประภาวี เหมทัศน์ และคณะ) ซึ่งประเด็นสมาชิกบางส่วนฝ่าฝืนกฎหมายนั้น ในความเป็นจริงคดียังไม่สิ้นสุด ผู้ถูกกล่าวหายังไม่ถูกตัดสินว่าผิดแต่อย่างใด
ส่วนประเด็นที่สมาคมฯ ก่อตั้งขึ้นเพื่อเผยแพร่ข่าวสารหรือข้อมูลทางวิชาการเกี่ยวกับคราฟท์เบียร์แก่สมาชิกและประชาชนทั่วไป ซึ่งถูกท้วงติงว่าขัดต่อเจตนารมณ์ของ พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 เพราะอาจเข้าข่ายโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อันเป็นข้อห้ามตามกฎหมาย เรื่องนี้ย้ำว่า “การเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารหรือความรู้ทางวิชาการไม่ใช่การโฆษณาเสมอไป” แม้กระทั่งเอ่ยชื่อยี่ห้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งผู้พบเห็นสามารถพิจารณาจากท่าทีหรือองค์ประกอบต่างๆ ได้ว่ากรณีใดเข้าข่ายโฆษณาเพื่อชักชวนให้บริโภคหรือไม่
“เรามองว่ามันเป็นตัวเลือก มันเหมือนกับว่ามีคนมีกำลังซื้อจะกินเหล้ากินเบียร์เต็มไปหมด แต่มันมีตัวเลือกในตลาดน้อยมาก การที่เราทำแบบนี้มันเป็นการเพิ่มตัวเลือกให้กับ Shelves (ชั้นวาง) ในตลาด ให้คนมันเข้าถึงตัวเลือกได้ง่ายขึ้น มีทางเลือกมากขึ้นแค่นั้นเอง เพราะเรื่องกฎหมายควบคุมต่างๆ นานามันมีมาตลอดอยู่แล้ว ไม่ว่าจะอายุ ไม่ว่าจะเมาไม่ขับ หรือการห้ามโฆษณาในทีวีก่อน 4 ทุ่ม อะไรอย่างนี้ มันมีมาก่อน พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 ด้วยซ้ำ” ประภาวี กล่าว ประภาวี กล่าวต่อไปว่า เหตุที่การจดทะเบียนเป็นสมาคมมีความสำคัญ เพราะการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับภาคส่วนต่างๆ หากทำในนามสมาคมจะมีโอกาสได้รับความร่วมมือมากกว่าทำในนามเอกชน เช่น ขอรับการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐหรือมหาวิทยาลัย หรือการจัดงานประกวดอะไรสักอย่างขึ้นมา หากดำเนินการในนามบริษัทอาจทำให้มีผู้ที่รู้สึกว่าการจัดงานไม่มีความเป็นกลาง เป็นต้น
ขณะที่ อาทิตย์ ศิวะหรรษาพันธ์ ผู้ร่วมก่อตั้งสมาคมคราฟท์เบียร์ ตั้งคำถามว่า “ปัจจุบันมีกฎหมายที่ป้องกันการเข้าถึงของเด็กและเยาวชนอยู่แล้ว เช่น ห้ามขายให้ผู้มีอายุต่ำกว่า 20 ปี แต่ในส่วนผู้ที่อายุ 20 ปีขึ้นไป ถือเป็นผู้ใหญ่ย่อมมีวิจารณญาณของตนเอง การที่คนวัยนี้จะดื่มหรือไม่ดื่มเป็นสิทธิของเขาหรือไม่?” ส่วนเรื่องการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารทางวิชาการนั้น รัฐธรรมนูญรับรองสิทธิของประชาชนในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร และกฎหมายระดับพระราชบัญญัติไม่ได้มีลำดับศักดิ์ใหญ่กว่ารัฐธรรมนูญ
“ผมมีความเห็นส่วนตัว ผมไม่อยากจะยอมแพ้ตรงจุดนี้ ผมอ่านจดหมายที่เขาค้านแล้ว คือไม่ได้ห้าม เขาแค่โต้แย้งมาว่าจุดประสงค์นี้มันไม่ค่อยโอเคเท่าไร แต่เดี๋ยวเราก็จะไปแก้ ถ้าคุณไม่โอเคเราก็จะแก้ ถ้าสมาชิกคนไหนติดปัญหาเรื่องมาตรา 32 ก็จะเปลี่ยนชื่อออกไป เท่านั้นเองไม่มีปัญหาอะไร ก็คงจะแก้ใหม่แล้วส่งใหม่” อาทิตย์ ระบุอาทิตย์ กล่าวอีกว่า ขณะที่ประเด็นข้อถกเถียง “มาตรา 32 ห้ามโฆษณาชักชวนให้ดื่มทั้งทางตรงและทางอ้อม” ของ พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 ที่เป็นปัญหาเรื่องการตีความและบังคับใช้อย่างมาก จนมีการรวบรวมรายชื่อให้แก้ไขหรือยกเลิกซึ่งเรื่องเข้าสู่กระบวนการของรัฐสภาแล้ว เท่าที่ทราบจาก สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ขณะนี้อยู่ในระหว่างพักเรื่องไว้ก่อนเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 เพราะอยากให้ผู้เกี่ยวข้อง ทุกฝ่ายได้มาประชุมกันจริงๆ มากกว่าประชุมทางออนไลน์ ซึ่งคาดว่าน่าจะได้กลับมาจัดประชุมกันอีกครั้งในปี 2565
อีกด้านหนึ่ง สมบูรณ์ แก้วเกรียงไกร นายกสมาคมสุราชุมชน และอดีตเลขาธิการสมาคมผู้ผลิตไวน์ผลไม้และสุราพื้นบ้านไทย ให้ความเห็นว่า การจดทะเบียนเป็นสมาคมหรือไม่นั้นไม่ค่อยมีผลเท่าไรเวลาถูกนำเสนอผ่านสื่อมวลชน เมื่อเทียบกับการจัดกิจกรรมหรือความเคลื่อนไหวของสมาคมหรือกลุ่มนั้นๆ ว่าทำอะไรอย่างไรบ้าง แต่ก็ให้คำแนะนำว่า ผู้ที่จะมาเป็นนายกสมาคมไม่ควรมีธุรกิจอะไรใหญ่โตนัก เพราะจุดนี้หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะถูกเพ่งเล็ง
“มันอยู่ที่ความดังของคุณมากกว่า คุณจะพูดว่าเครือข่ายก็ได้ หรืออะไรก็ได้ สมาพันธ์ก็ได้ เพราะสมาพันธ์ไม่ต้องจดทะเบียน มันเป็นชื่อลอยๆ คุณก็ใช้สมาพันธ์ก็ได้ สมาพันธ์คราฟท์เบียร์ โห!..ดูยิ่งใหญ่มากเลย ก็ไม่จำเป็นต้องจดทะเบียน สมาพันธ์นี่ใหญ่กว่าสมาคมอีกนะ”สมบูรณ์ กล่าว
ด้านผู้ดำเนินการเสวนาครั้งนี้ ผศ.ดร.เจริญ เจริญชัย อาจารย์สาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร คณะเทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี ราชมงคลธัญบุรี และแอดมินเพจ Surathai ให้ความเห็น เพิ่มเติมว่า กรณีข้อท้วงติงสมาคมคราฟท์เบียร์เรื่องสมาชิกบางส่วนทำผิดกฎหมาย แต่ก็เป็นเรื่องส่วนบุคคล ไม่ควรนำมาพิจารณาเป็นความเห็นคัดค้านการก่อตั้งสมาคมทั้งหมด นอกจากนี้ ยังตั้งคำถามถึงบางองค์กร ที่มีงบประมาณมหาศาล ว่า “นโยบายสร้างกระแสให้มอง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในแง่ลบแบบสุดโต่ง” ที่ดำเนินการตลอดหลายปีที่ผ่านมา
ลดผลกระทบทางสังคมที่เกิดขึ้นจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้จริงหรือ?