แนวหน้า ฉบับวันที่ 24 ก.ค. 2565
มหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ ถือเป็นเวทีระดับชาติในการนำเสนอความก้าวหน้าของผลงานวิจัย เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่มีศักยภาพพร้อมใช้ประโยชน์ และเป็นกลไกสำคัญในการ ส่งเสริมให้เกิดการเผยแพร่และถ่ายทอดองค์ความรู้ รวมถึงเชื่อมโยงการบูรณาการความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการนำงานวิจัยไปใช้พัฒนาประเทศในมิติต่างๆ ทั้งเชิงวิชาการ นโยบาย สังคม ชุมชน พาณิชย์และอุตสาหกรรม
มหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ เริ่มจัดขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2549 ภายใต้ความร่วมมือของหน่วยงานเครือข่ายในระบบวิจัยทั่วประเทศ และสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ในการนำเสนอผลงานวิจัยและนวัตกรรมการวิจัยที่มีคุณภาพ
สำหรับในปีนี้ก็ยังคงมีการจัดงานอย่างต่อเนื่องเช่นทุกปี ที่ผ่านมา โดยเมื่อเร็วๆ นี้ ที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์และบางกอกคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม(อว.) โดยสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ได้แถลงข่าวการจัดงาน “มหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2565 (Thailand Research Expo 2022)” ซึ่งจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 1-5 สิงหาคม 2565 ภายใต้แนวคิด “วิจัยเพื่อพัฒนาประเทศสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน”
โดยการจัดงานในปีนี้ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดงานฯ ในวันจันทร์ที่ 1 สิงหาคม 2565 เวลา 14.30 น.
ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กล่าวว่า วช. ร่วมมือกับหน่วยงานเครือข่ายในระบบวิจัยทั่วประเทศและภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง จัดงาน “มหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2565 (Thailand Research Expo 2022)” ขึ้นเป็นปีที่ 17 เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ผู้ทรงเป็น “พระบิดาแห่งการวิจัยไทย” และเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 และพระบรมวงศานุวงศ์ ที่ทรงพระมหากรุณาธิคุณต่องานวิจัยไทย
“งานมหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ จัดขึ้นเป็นปีที่ 17 โดยความมุ่งมั่นตั้งใจของเครือข่ายในระบบวิจัยทั่วประเทศ ทาง วช.ภายใต้กระทรวง อว. มีความตั้งใจในการทำให้เวทีนี้เป็นเวทีที่ทำให้เกิดการนำผลสำเร็จจากงานวิจัยมาทำให้เห็นภาพว่าทุกเม็ดเงินการลงทุนจากการวิจัยและนวัตกรรมที่ได้ใช้จ่ายหรือลงทุนในแต่ละปี สามารถเกิดผลงานที่ตอบโจทย์ในเรื่องของการพัฒนาประเทศในหลากหลายรูปแบบ สามารถแก้ไขปัญหาและสามารถช่วยให้คุณภาพชีวิต สภาพเศรษฐกิจและสังคมดีขึ้น อยากให้ทุกคนให้กำลังใจนักวิจัยและมาชมผลงานวิจัยที่เกิดขึ้นรวมถึงการประชุมในประเด็นท้าทายใหม่ๆที่อยากให้ทุกคนเข้ามามีส่วนร่วม” ดร.วิภารัตน์กล่าว สำหรับการจัดงานในปีนี้ จะมีการนำเสนอผลงานวิจัยจากเครือข่ายในระบบวิจัยทั่วประเทศกว่า 700 ผลงาน ใน 5 ประเด็นหลักคือ 1.งานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจสร้างคุณค่าและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เช่น การพัฒนาระบบเศรษฐกิจบีซีจี (BCG) การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เอไอ หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ การพัฒนาระบบโลจิสติกส์ ระบบราง ยานยนต์ไฟฟ้า และธุรกิจฐานนวัตกรรมขนาดใหญ่
2.งานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อยกระดับสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน เช่น การพัฒนาสังคมสูงวัย การพัฒนาเมืองน่าอยู่ สังคมไทยไร้ความรุนแรง และการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ
3.งานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เช่น นวัตกรรมการแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับโรคโควิด-19 ทั้งการควบคุม ป้องกัน และรักษาโรค การสร้างความมั่นคงทางด้านสุขภาพและสาธารณสุข และการเตรียม การเพื่อรองรับสถานการณ์วิกฤตด้านสาธารณสุขในอนาคต
4.งานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจเพื่ออนาคต ครอบคลุมงานวิจัยและนวัตกรรมเกี่ยวกับอุตสาหกรรมเป้าหมาย (First S-curve) และอุตสาหกรรมใหม่ (New S-curve)
และ 5.งานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อใช้ประโยชน์เชิงการพัฒนาพื้นที่ ครอบคลุมงานวิจัยและนวัตกรรมที่มีการ นำไปใช้ประโยชน์เชิงนโยบาย เชิงพาณิชย์ เชิงชุมชน สังคม ผ่านกลไกการนำผลงานวิจัยและนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์
ภายในงานแถลงข่าว ยังมีการเปิดเวที “Thailand Research Expo Talk : เวทีรวมพลังวิจัย ขับเคลื่อนประเทศไทย” โดย ศ.กิตติคุณ นพ.สุทธิพร จิตต์มิตรภาพประธานกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ศ.นพ.วชิร คชการ ประธานเครือข่ายพันธมิตรมหาวิทยาลัยเพื่อการวิจัย (RUN) รศ.ดร.สมหมาย ผิวสอาด ประธานที่ประชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ผศ.ดร.ลินดา เกณฑ์มา ประธานที่ประชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏ และ นพ.นพพร ชื่นกลิ่น ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.)
และช่วง “Platinum Award Talk : เสริมพลังประชาคมวิจัย ด้วยรางวัลแห่งเกียรติยศ” โดย ผศ.ดร. วันชัย สุทธะนันท์ รักษาการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยศิลปากร และ รศ.ชยาพร วัฒนศิริ อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ในฐานะได้รับรางวัล Platinum Award ในงาน มหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2564
งานนี้จะได้มีการเปิดตัว “เดี่ยว” สุริยนต์ อรุณวัฒนกูล นักแสดงหนุ่มเป็นทูตวิจัยมหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2565 พร้อมนำเสนอตัวอย่างผลงานวิจัยที่น่าสนใจ เช่น การสร้างมูลค่าเพิ่มบัวฉลองขวัญด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อเสริมสร้างเศรษฐกิจไทย จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรีที่ร่วมกับภาคเอกชนพัฒนาการเพาะเลี้ยง สกัดสเต็มเซลล์จากบัวฉลองขวัญ และใช้เทคโนโลยีในการกักเก็บสารสำคัญ เพื่อพัฒนาเป็นนวัตกรรมเครื่องสำอางสเต็มเซลล์จากบัวฉลองขวัญที่ช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับพืชสมุนไพรไทย
การพัฒนาฐานข้อมูลอัจฉริยะแหล่งอัญมณีโลก (AI)จากสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) ที่นำเทคโนโลยีเอไอหรือปัญญาประดิษฐ์มาประยุกต์ใช้ในการบ่งชี้แหล่งที่มาของอัญมณีเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการตรวจวิเคราะห์ และยกระดับความเชื่อมั่นให้กับอุตสาหกรรมอัญมณีของประเทศไทย
โครงการศึกษาพัฒนารูปแบบยาเตรียมตำรับยาแผนไทย จำนวน 16 ตำรับที่มีกัญชาเป็นส่วนผสม จากกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกที่ต่อยอดภูมิปัญญาทางการแพทย์แผนไทยโดยใช้องค์ความรู้ทางเทคโนโลยีเภสัชกรรม
นอกจากนี้ยังมีระบบการดูแลผู้ป่วย Home Isolation และ Community Isolation ด้วย Platform “\WeSAFE@Home by BUU” จากมหาวิทยาลัยบูรพา ระบบพยากรณ์การผลิตไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน จากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และการวิจัยและนวัตกรรมเพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนอย่างเบ็ดเสร็จและแม่นยำในจังหวัดพัทลุง จากมหาวิทยาลัยทักษิณ ภายในงานมหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2565 นอกจากจะมีการนำเสนอผลงานวิจัยในภาคนิทรรศการแล้ว ยังมีภาคการประชุม-สัมมนามากกว่า 150 หัวข้อ ทั้งหัวข้อสำคัญสำหรับการบริหารจัดการงานวิจัยและปัญหาสำคัญของประเทศ หัวข้อที่อยู่ในความสนใจของสังคม การประชุมกลุ่มนำเสนอบทความผลงานวิจัย และการประชุมถ่ายทอดความรู้ การให้คำปรึกษาด้านการทำวิจัย นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมการประกวดนวัตกรรมสายอุดมศึกษากว่า 100 ผลงาน และการมอบรางวัลมหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2565
สำหรับงาน มหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2565 จะจัดขึ้นที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์และบางกอกคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ ผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมงานภาคการประชุมและภาคนิทรรศการได้ที่ https://researchexporegis.com โดยลงทะเบียนเข้าชมแบบ Onsite ภายในวันที่ 27 กรกฎาคม 2565 และแบบ Online ภายในวันที่ 5 สิงหาคม 2565
ถือเป็นโอกาสดีที่ประชาชนจะได้เข้ามาชมผลงานของนักวิจัยไทยกว่า 700 ผลงาน พร้อมทั้งจะมีการเปิดภาคการประชุม ระดมสมอง เพื่อนำงานวิจัยไปใช้ในการแก้ปัญหา และพัฒนาประเทศร่วมกันต่อไป