เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 4 ธ.ค. 2565
เมื่อเร็ว ๆ นี้ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) โดย สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยา ศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ร่วมแถลงข่าวการค้นพบสัตว์ชนิดใหม่ของโลก ในพื้นที่สงวนชีวมณฑลสะแกราช จังหวัดนครราชสีมา จำนวน 4 ชนิด ได้แก่ “มดชุติมา แตนเบียนปิยะ แตนเบียนสะแกราช และโคพีพอด
“มดชุติมา” ค้นพบโดย ดร.วียะวัฒน์ ใจตรง นักวิจัย จาก อพวช. และ ผศ.ดร.นพรัตน์ พุทธกาล คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี บริเวณยอดไม้สูงประมาณ 25-30 เมตร ในป่าดิบแล้งที่ค่อนข้างสมบูรณ์ในพื้นที่สถานีวิจัยสิ่งแวดล้อมสะแกราช ดำเนินงานภายใต้โครงการวิจัยความหลากหลายทางชีวภาพของมดบนเรือนยอดไม้บริเวณสถานีวิจัยสิ่งแวดล้อมสะแกราช จังหวัดนครราช สีมา ทั้งนี้เพื่อเป็นเกียรติแก่ วว. และท่านผู้ว่าการ วว. ในฐานะเป็นหน่วยงานดูแลพื้นที่และสนับสนุนงานวิจัยทางด้านความหลากหลายทางชีวภาพอย่างแข็งขัน จึงได้ตั้งชื่อมดชนิดใหม่ว่า “มดชุติมา” มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Lepisiota chutimae Jaitrong, Waengsothorn et Buddhakala, 2022 ลักษณะเด่น มีสีเหลืองทองตลอดทั้งตัว (ท้องมีสีเข้มกว่าอกเล็กน้อย) ผิวตัวเรียบเป็นเงามัน ท้ายส่วนอกและเอวมีหนามแหลม มดชนิดนี้เป็นดัชนีบ่งชี้ความสมบูรณ์ของป่าดิบแล้งสะแกราชได้อีกทางหนึ่ง ในประเทศไทยมีมดในสกุล Lepisiota จำนวน 8 ชนิด อาศัยอยู่บนดิน ยกเว้นเพียง “มดชุติมา” เท่านั้นที่ปรับตัวขึ้นไปอาศัยอยู่บนต้นไม้ เหตุผลในการปรับตัวที่แปลกไปจากมดชนิดอื่นในสกุลเดียวกันนักวิจัยอยู่ระหว่างค้นหาคำตอบ
อย่างไรก็ตามขณะนี้เกิดปรากฏการณ์ลานีญา (ฝนตกชุก) ติดต่อกัน 2 ปี ทำให้โครงสร้างประชากรมดเรือนยอดเปลี่ยนแปลงไป มีมดรุกรานยึดครองพุ่มไม้มากขึ้น ในอนาคตอันใกล้อาจส่งผลกระทบต่อการลดลงของประชากรมดชุติมาและมดถิ่นเดิมชนิดอื่น ๆ ได้ หากไม่มีมาตรการป้องกันหรือการจัดการที่เหมาะสม งานวิจัยชิ้นนี้ได้รับการตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสารระดับนานาชาติ Far Eastern Entomologist
แตนเบียนปิยะและแตนเบียนสะแกราช ค้นพบโดย รศ.ดร.บัณฑิกา อารีย์กุล บุทเชอร์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บริเวณป่าดิบแล้งของสถานีวิจัยสิ่งแวดล้อมสะแกราช ในช่วงเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2564 ด้วยกับดัก เต็นท์ หรือ Malaise Trap มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Physaraia sakaeratensis Chansri, Quicke & Butcher, 2022 มีลักษณะเด่นที่แตกต่างจากแตนเบียนสกุล Physaraia ชนิดอื่นคือ หนามคู่ที่ส่วนท้องของลำตัวมีสีดำ ในขณะ ที่ชนิดอื่นหนามบริเวณนี้จะเป็นสีเดียวกับลำตัว โดยบริเวณปลายของส่วนท้องที่มีหนามคาดว่าจะช่วยในการวาง ไข่ของแตนเบียนเพศเมีย
โคพีพอด (Copepods) ค้นพบโดย ผศ.ดร.ชายฉัตร บุญญานุสิทธิ์ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Metacyclops sakaeratensis Athibai, Wongkamhaeng & Boonyanusith, 2022 มีลักษณะเด่นดังนี้ 1.ปลายของขาว่ายน้ำคู่ที่ 4 มี spine 1 อัน 2.ด้านข้างของ caudal ramus มีหนาม และ 3.ปล้องสืบพันธุ์มีร่อง ตามขวางทางด้านหลัง ทั้งนี้ ชนิดใหม่ของโลกจากสะแกราช มีลักษณะคล้ายกับเครือญาติจากกัมพูชา แต่ชนิดจากกัมพูชาไม่มีลักษณะในข้อ 3. คือร่องตามขวางทางด้านหลังของปล้องสืบพันธุ์ ทั้งนี้ โคพีพอดเป็นหนึ่งในแพลงก์ตอนสัตว์ ที่มี ความสำคัญในระบบนิเวศแหล่งน้ำ มีความหลากหลายของ สายพันธุ์สูง มีลักษณะคล้ายคลึงและอยู่ในตระกูลเดียวกับ กุ้ง ไรน้ำ สามารถพบโคพีพอดในแหล่งน้ำทั่วไปของประเทศ ไทย ทั้งน้ำจืด น้ำกร่อย และน้ำเค็ม พบได้ทั้งในฝั่งอ่าวไทย และอันดามัน โคพีพอด เป็นตัวบ่งชี้ถึงความหลากหลายทางชีวภาพ ความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศตามธรรมชาติของแหล่งน้ำ.