ไทยโพสต์ ฉบับวันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2559
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ พระราชทานก๋วยเตี๋ยวเป็ดพะโล้และ เครื่องดื่มแก่พสกนิกรที่มาแสดงความอาลัยพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช “พระองค์โสมฯ” ทรงทอดไก่ประทาน “บิ๊กตู่” จัดรายการ “ศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน” บอกคนไทย พระองค์ท่านไม่ได้จากพวกเราไปไหน “ม.จ.ชาตรีเฉลิม” ตรวจพื้นที่จัดแสดงรวมพลังร้องเพลง “สรรเสริญพระบารมี” ท้องสนามหลวง “กทม.” คาด ปชช.เข้าร่วมกว่า 1 แสนคน
เมื่อเวลา 07.13 น. วันที่ 21 ตุลาคม 2559 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินยังพระ ที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลสวดพระอภิ ธรรมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร และถวายภัตตาหารเช้าแด่พระพิธีธรรม 8 รูป จากวัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร และวัดราชสิทธารามราชวรวิหาร สวดพระอภิธรรมพระบรมศพ มาตั้งแต่ค่ำวันที่ 20 ต.ค.
ในการนี้ คุณพลอยไพลิน เจนเซน พระธิดาองค์โตในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี พร้อมนายเดวิด วีลเลอร์ สามี ร่วมพระราชพิธีด้วย
เวลา 08.52 น. พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ เสด็จมาบำเพ็ญพระกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยมีพระพิธีธรรมจากวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร และวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร สวดพระอภิธรรมพระบรมศพ
เวลา 11.00 น. ม.จ.ชาตรีเฉลิม ยุคล เป็นประธานถวายภัตตาหารเพลแด่พระพิธีธรรม จากวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร และวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร
จากนั้นเวลา 19.35 น. สมเด็จพระบรม โอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระ ราชดำเนินทรงบำเพ็ญพระราชกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
ที่ศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวัง นายลี เซียน ลุง นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐสิงคโปร์ เดินทางมาวางพวงมาลา ถวายราชสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และลงนามไว้อาลัย โดยก่อนหน้านี้ นายลี เซียน ลุง ได้ร่วมพิธีแสดงความอาลัยที่สถานเอกอัครราชทูตไทยประจำสิงคโปร์มาแล้ว
ขณะที่ตั้งแต่เวลา 08.05 น. สำนักพระราชวังเปิดให้ประชาชนเดินทางมาร่วมถวายสักการะพระบรมฉายาลักษณ์และแสดงความไว้อาลัย โดยมีประชาชนที่มาต่อแถวเข้าคิวบริเวณประตูวิเศษไชยศรี ในพระบรมมหาราชวัง แน่นขนัดตลอดทั้งวัน
ในการนี้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร มีรับสั่งให้หน่วยทหาร มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ฯ พระราชทานอาหารและเครื่องดื่มแก่ประชาชนที่เข้ามาร่วมถวายสักการะพระบรมฉายา ลักษณ์ และแสดงความไว้อาลัย บริเวณหน้าพระบรมมหาราชวัง ซึ่งวันนี้เป็นก๋วยเตี๋ยวเป็ดพะโล้ โดยมีประชาชนต่อคิวรับอาหารอย่างเนืองแน่น
เวลา 15.10 น. พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ได้เสด็จมาถึงบริเวณซุ้มของมูลนิธิเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย ที่ตั้งอยู่ ณ บริเวณหน้าพระบรมมหาราชวัง ฝั่งประตูทางเข้าวิเศษไชยศรี และได้ทรงทอดไก่ในซุ้ม รถเคลื่อนที่ของมูลนิธิฯ เพื่อประทานแก่ประชาชนที่มาร่วมถวายสักการะและลงนามไว้ อาลัยพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช
ศาสตร์พระราชา
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จัดรายการ “ศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน” ออกอากาศ ทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ตอนหนึ่งว่า วันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคม ประเทศชาติและพสกนิกรชาวไทยได้ประสบกับความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ นั่นคือพระมหากษัตริย์ผู้ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก ความเมตตาอย่างสูงสุดแก่พสกนิกรของพระองค์ และถึงพร้อมด้วยความเพียรอันบริสุทธิ์ดุจพระมหาชนก
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า หากเพียงคนไทยทุกคน แบ่งปันความรัก ความปรารถนาดีต่อกัน แม้เพียงเศษเสี้ยวความรักของพระองค์ที่มีต่อประชาชน และแม้เพียงคนไทยทุกคนมีความเพียรสร้างความดี ทำคุณประโยชน์แก่ส่วนร่วม สังคม และประเทศชาติ แม้เพียงเศษเสี้ยวที่พระองค์ทรงมีแล้ว คนไทยก็จะเป็นคนที่มีความสุขที่สุดในโลก ประเทศไทยก็จะเป็นประเทศที่มีความเจริญมั่นคงที่สุดในโลกเช่นกัน
“ในเวลานี้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร มีพระราชบัณฑูรให้จัดการพระราชพิธีพระบรมศพอย่างสมพระเกียรติ และถูกต้องตามแบบแผนโบราณราชประเพณี รวมทั้งมีรับสั่งให้ขอพระราชวินิจฉัย จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในเรื่องพิธีการ ตลอดจนการก่อสร้างพระเมรุ และศาลาทรงธรรม สำหรับการประกอบพระราชพิธีพระบรมศพ จากที่ได้มีพระราชบัณฑูรไว้ก่อนแล้ว พร้อมทั้งดูแลทุกข์สุขประชาชนในช่วงนี้ให้ดีที่สุด” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
นายกฯ กล่าวว่า รัฐบาลขอให้คำมั่นว่า จะปฏิบัติภารกิจสำคัญยิ่งนี้ร่วมกับพี่น้องประชาชนชาวไทยทุกภาคส่วน เพื่อให้การพระราชพิธีพระบรมศพสมพระเกียรติ เทิดไว้ซึ่งพระเกียรติยศและพระเกียรติภูมิอันสูงส่ง ผมและรัฐบาลขอให้คำมั่นที่จะปฏิบัติหน้าที่ สานต่อพระราชภารกิจ และสนองพระปฐมบรมราชโองการ ที่ว่าเราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหา ชนชาวสยาม ด้วยความจงรักภักดี เสมอด้วยชีวิต ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และด้วยความวิริยอุตสาหะ อย่างเต็มกำลังความสามารถและสติปัญญา รวมทั้งขอปฏิญาณตนว่า จักจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ จนกว่าชีวิตจะหาไม่
“แม้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะเสด็จสวรรคตแล้ว แต่พระราชดำริ คือ แนว คิดและปรัชญา พระราชดำรัส คือ คำสั่งสอน ตักเตือน ให้สติ พระราชกรณียกิจ คือ หลักการทรงงาน และพระราชจริยวัตรของพระองค์ คือ การประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ปวงพสกนิกรชาวไทย ซึ่งจะยังคงอยู่คู่แผ่นดินไทยตลอดไป
ด้วยพระองค์ได้ทรงพูดให้ได้คิด สอนให้เกิดปัญญา และทำให้เห็นประจักษ์ด้วยพระองค์เองตลอดระยะเวลา 70 ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ ศาสตร์พระราชาเหล่านั้น สามารถน้อม นำไปประยุกต์ใช้ได้ในทุกระดับ ตั้งแต่การประกอบกิจวัตรประจำวัน และสัมมาชีพของแต่ละบุคคลไปจนถึงการบริหารราชการแผ่นดิน เพื่อสร้างการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งเป็นแนว ทางให้กับรัฐบาลและข้าราชการทุกคน” นายกฯ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ในส่วนของรัฐบาลเองนั้น ตลอดระยะเวลา 2 ปีกว่าที่ผ่านมาของการบริหารบ้านเมือง ได้ส่งเสริมให้ประชาชน ได้น้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐ กิจพอเพียงไปประยุกต์ใช้ในหลายๆ รูปแบบ เช่น การจัดทำบัญชีครัวเรือน เพื่อลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ สร้างความเข้มแข็งให้กับครอบครัว ซึ่งเป็นสถาบันสังคมที่เล็กที่สุด แต่เป็นสถาบันที่มีความสำคัญที่สุด เพราะเป็นหน่วยสังคมแรกที่เลี้ยงดูอบรมสั่งสอน และหล่อหลอมชีวิตของคนในครอบครัว เป็นแหล่งผลิตคนเข้าสู่สังคมต่อไป
นายกฯ กล่าวว่า ในช่วงเวลาแห่งความยากลำบากนี้ ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย ประชาชนทุกคน อีกทั้งจิตอาสาที่ร่วมกับรัฐบาลและหน่วยงานของข้าราชการในการอำนวยความสะดวกและให้บริการแก่พี่น้องประชาชน ที่ต่างมีประสงค์จะเดินทางมายังพระบรมมหาราชวัง ทั้งนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วิทยาลัยพยาบาลหัวเฉียว มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี นักเรียนจากโรงเรียนจิตรลดา โรงเรียน มัธยมวัดสิงห์ โรงเรียนสตรีวัดระฆัง นักศึกษา วิชาทหารจากโรงเรียนวัดน้อยนพคุณ โรงเรียนโยธินบูรณะ โรงเรียนวิมุตยารามพิทยากร วิทยาลัยเทคโนโลยีสยาม โรงเรียนนานา ชาติ โชรส์เบอรี ลูกเสือ-เนตรนารีจากสถา บันการศึกษาต่างๆ อีกมาก ซึ่งอาจจะกล่าว ไม่ได้ทั้งหมดครบถ้วน ต้องขอโทษด้วยขอบคุณ ทุกคน
“สิ่งดีๆ เหล่านี้นั้น ผมเห็นว่าเป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดีแด่พ่อหลวงของปวงชนชาวไทย เป็นการเสียสละ เป็นการทำดีเพื่อส่วนร่วม เพื่อผู้อื่น เพื่อสังคม ที่เรียกว่าเป็นการเผื่อแผ่แบ่งปันนะครับ ที่สำคัญการเป็นผู้ให้ เหมือนอย่างที่พ่อหลวง ของเราทรงเป็น “ผู้ให้” แก่พสกนิกรของ พระองค์ ตลอดพระชนม์ชีพ ตลอด 70 ปีแห่งการทรงงาน ผมอยากให้พี่น้องประชา ชนคนไทยมีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ช่วยเหลือแบ่งปัน ทั้งในวันนี้และในวันข้างหน้า” นายกฯ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า สุดท้ายนี้ ในนามของรัฐบาล ขอขอบคุณพี่น้องประชาชนคนไทยทั่วทั้งประเทศอีกครั้ง ที่ได้ร่วมกัน ทั้งร่วมมือร่วมใจให้กำลังใจซึ่งกันและกัน กุมมือกันผ่านช่วงเวลาที่โศกเศร้าแสนสาหัสในครั้งนี้ กลับสู่สติที่มั่นคง และก้าวเดินไปข้างหน้าพร้อมกัน ด้วยปัญญาด้วยพลังและด้วยจิตใจที่เข้มแข็งและแน่วแน่ที่จะสืบสานพระราชปณิธานแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช พระองค์ผู้เป็นที่รักเทิดทูนของพวกเราทุกคนนะครับ พระองค์ทรงทอดพระเนตรพวกเราอยู่จากเบื้องบนลงมา แล้วก็พระองค์ทรงอยู่ในทุกอณูของแผ่น ดิน ผืนน้ำและอากาศ
พระเมรุมาศยิ่งใหญ่
ก่อนหน้านั้น พล.อ.ประยุทธ์ไปเป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมสัมมนาและมอบนโยบายในการจัดทำงบประมาณในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2561 พร้อมระบุว่า ในช่วงเวลานี้ ทุกคนอยู่ในภาวะเดียวกัน อันเนื่องมาจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอันเป็นที่รักยิ่งของพวกเราทุกคนเสด็จจากไป แต่พระองค์ยังอยู่ในใจของพวกเราตราบ นานเท่านาน ในช่วงเวลาที่เรากำลังประสบอยู่ในทุกวันนี้ ทุกคนได้ร่วมกันแสดงความอาลัยในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัช กาลที่ 9 ร่วมกัน เราได้เห็นการร่วมมือ ความรักของคนทั้งในและต่างประเทศ หรือแม้แต่ชาวต่างชาติ
“ผมอยากบอกกับทุกคนว่า ขอให้ทุกคนนึกอยู่เสมอว่าพระองค์ท่านไม่ได้จากพวกเราไปไหน แต่พระองค์ท่านยังอยู่ ในพื้นดิน น้ำ และอากาศ ทุกๆ อย่างที่พระองค์ท่านได้ทำไว้เพื่อพวกเราทุกคน ทั้งในการสร้างสมดุลของธรรมชาติ การรักษาสิ่งแวดล้อม การพัฒนาต่างๆ พระองค์ท่านยังคงอยู่ตลอด และไม่ใช่เฉพาะพวกเรา ที่พระองค์ทรงรักษาสิ่งเหล่านี้ไว้ แต่เพื่อคนไทยทุกคนตราบนาน เท่านาน ขอให้ใช้หลักการทรงงานของพระ บาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไปปฏิบัติตาม” พล.อ.ประ ยุทธ์กล่าว
ที่กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังเป็นประธานประชุมคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ (กวช.) ถึงการดำเนิน งานที่เกี่ยวเนื่องกับงานพระราชพิธีพระบรมศพว่า วธ.ได้มอบหมายกรมศิลปากร (ศก.) ทำหน้าที่ดูแลรับผิดชอบในเรื่องรูปแบบพิธีการและการจัดสร้างพระเมรุมาศ โดยขอรับพระ ราชวินิจฉัยจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี องค์ที่ปรึกษาคณะกรรม การจัดงานพระราชพิธีพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และงานด้านจดหมายเหตุ พระราชพิธี เมื่อทรงพระราชวินิจฉัยเสร็จจะจัดทำโครงสร้างงานออกแบบหรือม็อกอัพเพื่อให้ประชาชนได้ เห็น นอกจากนี้ ได้เตรียมความพร้อมราชรถ ราชยานที่จะใช้ในพระราชพิธีพระบรมศพ
“รูปแบบการจัดสร้างพระเมรุมาศที่ถวายให้ทอดพระเนตรและขอรับพระราชวินิจฉัยจากสมเด็จพระเทพฯ เป็นรูปแบบที่สมพระเกียรติ ยิ่งใหญ่ และพอเพียง เหมาะสมกับแนวพระราชดำริที่พระราชทานไว้ นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ วธ. จัดพิมพ์หนังสือพระบรมราโชวาทและพระราชดำรัส และหนังสือพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจรัชกาลที่ 9 คัดเลือกพระราชดำรัสให้ประชาชนได้อ่าน และน้อมนำไปใช้ในชีวิต คาดว่าจะแล้วเสร็จสัปดาห์หน้า สั่งพิมพ์จำนวน 2 ล้านเล่ม เพื่อแจกจ่ายให้ประ ชาชนที่หลั่งไหลไปท้องสนามหลวง” พล.อ.ธนะ ศักดิ์กล่าว
รองนายกฯ กล่าวว่า ในวันที่ 28 ต.ค.นี้ เวลา 15.30 น. ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร วธ.จะเปิดนิทรรศการ “ธ ทรงสถิตในดวงใจไทยทุกคน” โดยร่วมมือกับสมาคมถ่ายภาพต่างๆ ในประเทศไทย และช่างภาพจิตอาสา นำภาพถ่ายมาจัดนิทรรศการนำเสนอภาพทรงจำทรงคุณค่าทางประวัติ ศาสตร์ เพื่อให้ชาวไทยและชาวต่างประเทศได้ชมมากกว่า 20,000 ภาพ เข้าชมได้ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น. ทุกวัน จนถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2559 รวมทั้งเปิดให้ประชาชน นักท่องเที่ยวเข้าชมพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ 41 แห่ง อุทยานประวัติศาสตร์ 9 แห่ง และโบราณสถานทุกแห่งฟรี ตั้งแต่วันที่ 20 ตุลา คม 2559-31 มกราคม 2560
พล.อ.ธนะศักดิ์กล่าวว่า ในการจัดกิจกรรมเทศกาลประเพณีและศิลปวัฒนธรรมต่างๆ ที่เหมาะสมในช่วงงานพระราชพิธีพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้หารือกับผู้ทรงคุณวุฒิด้านวัฒนธรรม ผู้แทนจากกระทรวงการท่องเที่ยว และกีฬาและผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำหนดแนวทางปฏิบัติสำหรับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ประเพณีลอยกระทง เห็นสมควรให้จัดตามประเพณีท้องถิ่นที่สืบทอดกันมา เช่น ทำบุญตักบาตรปฏิบัติธรรม ฟังเทศน์ ตามประเพณีของแต่ละท้องถิ่น ยกเว้นการประกวดนางนพมาศและการจัดคอนเสิร์ต ส่วนการเฉลิมฉลอง เช่น จุดพลุ ตะไล ดอกไม้ไฟ ควรจุดอย่างระมัดระวัง และจุดในสถานที่เหมาะสมและได้รับอนุญาตจากทางราชการ
“ส่วนเทศกาลกฐิน ให้พิจารณาตามความเหมาะสม งดเฉพาะส่วนที่เป็นมหรสพหรือความบันเทิง แต่ยังสามารถจัดงานตามประเพณีได้ โดยการปฏิบัติในการถวายผ้าพระกฐินพระราชทานปี 2559 ให้ตั้งโต๊ะหมู่ ตั้งเครื่องราชถวายราชสักการะ มีพิธีเปิดกรวยกระทงดอกไม้ ธูปเทียนแพถวายราชสักการะเหมือนเดิม บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี คำกล่าวถวายผ้าพระกฐินใช้คงเดิม ส่วนการแต่งกายในงานกฐินพระราชทาน ประธานและข้าราชการแต่งชุดปรกติขาวไว้ทุกข์ตามระเบียบราชการ ส่วนภาคเอกชนใส่สูทสากลไว้ทุกข์ หรือ ผ้าไทยพระราชทานแขนยาว” พล.อ.ธนะศักดิ์กล่าว
รองนายกฯ กล่าวว่า การจัดกิจกรรมเทศกาลประเพณีขณะนี้ สภาวัฒนธรรมและวัฒนธรรมจังหวัดมีแนวทางจัดงานที่เหมาะสมออกมาเรียบร้อยแล้ว และหลังจากนี้ นาย วีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวง วัฒนธรรม จะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องผู้ประกอบการมาประชุมหารืออีกครั้ง กำหนดขอบเขต ตนมองไปไกลถึงคริสต์มาส ปีใหม่ ตรุษจีน และสงกรานต์ในปีหน้าแล้ว แต่ส่วนใหญ่จะยึดตามกรอบประเพณีเดิมสามารถทำได้ ส่วนลอยกระทงปีนี้ ย้ำงดนางนพมาศ งดคอนเสิร์ต ให้รักษาวัฒนธรรมและสานประเพณีการขอขมาแม่พระคงคา
คนนับแสนร่วมร้องเพลง
วันเดียวกัน หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล พร้อมหม่อมราชวงศ์ศรีคำรุ้ง ยุคล พร้อมทีม งานเป็นผู้บันทึกภาพประวัติศาสตร์ถึงความรักอันยิ่งใหญ่ ร่วมกับวงดนตรี Siam Philharmonic Orchestra และคอรัส 100 คน โดยจัดทำเป็นภาพยนตร์และวีดิทัศน์สำหรับฉายในโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศ และสถานีโทรทัศน์ช่องต่างๆ เดินทางมาเตรียมพื้นที่ในการจัดแสดง งานรวมพลังร้องเพลง “สรรเสริญพระบารมี” เพื่อน้อมรำลึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และร่วมแสดงความ อาลัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บริเวณมณฑลพิธีท้องสนามหลวง ที่จะมีขึ้นในวันที่ 22 ต.ค. เวลา 13.00 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ได้เข้า มาวัดและกำหนดจุดตั้งวงออร์เคสตร้าไว้ บริเวณกลางท้องสนามหลวง ซึ่งเป็นจุดศูนย์ กลางของงาน โดยคาดว่าในวันที่ 22 ต.ค. จะมีประชาชนจำนวนมากเดินทางมาที่ท้องสนามหลวง และพระบรมมหาราชวัง เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในงานรวมพลังดังกล่าว
สำหรับประชาชนที่จะเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่ง เจ้าหน้าที่จะเปิดให้ลงทะเบียนในเวลา 09.00 น. ก่อนจะทำการทดสอบเสียงและฝึกซ้อม และเริ่มบันทึกเสียงและวีดิทัศน์ตั้งแต่เวลา 13.00-17.00 น. โดยผู้ที่เข้าร่วมต้องแต่งกายสุภาพเรียบร้อย โดยผู้ชายสวมเสื้อเชิ้ตสีดำ แขนยาว กางเกงสแล็กสีดำ และรองเท้าสีดำ ส่วนผู้หญิงสวมชุดเดรส สีดำยาว หรือเสื้อเชิ้ต สวมกระโปรง หรือกางเกงสีดำ
พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ในการรวมพลังร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี ในวันที่ 22 ต.ค. คาดว่าจะมีประชาชนมาร่วมงานไม่ต่ำ กว่า 100,000 คน จึงมีข้อกังวลในเรื่องของการจราจร รวมทั้งเรื่องบริเวณที่พักของประ ชาชน ซึ่งอาจเกิดความแออัด ดังนั้นต้อง เตรียมพัดลมขนาดใหญ่เพื่อช่วยระบายความร้อนให้ประชาชน และได้สั่งให้สำนักสิ่งแวด ล้อมคอยดูดน้ำขังบริเวณโคนต้นไม้ เพื่อป้อง กันแหล่งเพาะพันธุ์ของยุงลาย รวมทั้งการฉีดยากันยุง
“ผมได้ประสานงานกับ พล.ต.ท.อิทธิพล พิริยะภิญโญ ผบช.สง.ผบ.ตร. เพื่อตั้งสถานีย่อยของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) คอยรับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนในพื้นที่ นอกจากนี้ยังได้มีการเตรียมความพร้อมใน เรื่องการแพทย์อนามัย โดยอาจต้องมีการแบ่งพื้นที่ไว้สำหรับเส้นทางการวิ่งขอรถพยาบาลฉุกเฉิน เพื่อรองรับประชาชนที่อาจมีอาการโรคประจำตัวกำเริบ หรือมีอารการวิงเวียนศีรษะจนเป็นลม ซึ่งในเบื้องต้นได้เตรียมความพร้อมของเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ เทศกิจ และ อาสาสมัครรักษาดินแดน (อ.ส.) จากกระทรวง มหาดไทย กว่า 1,000 นาย” ผู้ว่าฯ กทม.กล่าว
ที่ศาลาว่าการ กทม. พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน รองผู้ว่าฯ กทม. พร้อมด้วย พญ.วันทนีย์ วัฒนะ รองปลัด กทม. แถลงว่า ทาง กทม.ได้ขอความร่วมมือให้ผู้จัดงานใช้พื้นที่บริเวณท้องสนามหลวงเท่านั้น ไม่อนุญาตให้อยู่บนผิวการจราจร เพราะเป็นพื้นที่ขบวนเสด็จและมีพระราชอาคันตุกะเดินทางมาอย่างต่อเนื่อง ส่วนบริเวณถนนโดยรอบพระบรมมหาราชวัง ที่ทางผู้จัดต้อง การให้ประชาชนไปทำกิจกรรมนั้น ก็ไม่อนุญาตให้อยู่บริเวณนั้นได้เช่นกัน เพราะเป็นเส้นทางไว้ลำเลียงกรณีมีเหตุผู้ป่วยฉุกเฉิน
“ผู้จัดงานประเมินว่ามีคนมาร่วมงานจำนวนมาก ซึ่งทาง กทม.ประเมินว่าพื้นที่สนามหลวงจุคนได้กว่า 1 แสนคน ซึ่งเวทีจัดกิจกรรมอยู่สนามหลวงฝั่งใต้ ของพระบรมมหาราชวัง และหันหน้ามาทางสะพานพระ ปิ่นเกล้า ซึ่งประชาชนน่าจะล้นมาถึงบริเวณสนามหลวงฝั่งสะพานพระปิ่นเกล้าฯ ทาง กทม.จึงต้องเตรียมการรองรับทางการแพทย์ให้มากขึ้นกว่าวันปกติ จึงได้จัดทีมเดินเท้าซึ่งเป็นพยาบาลจากสำนักอนามัย กทม. พร้อมอุปกรณ์ กู้ชีพพื้นฐานและขั้นสูง โดยจะให้ใกล้เคียงกับจุด ที่ประชาชนอยู่มากที่สุด” พล.ต.ท.อำนวยกล่าว
รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า ขอความร่วมมือประชาชน งดใช้รถส่วนตัวเดินทางมา ขอให้บริการรถสาธารณะที่มีการจัดเตรียมไว้ และประสานกรมเจ้าท่าให้มีมาตรการความปลอดภัยในการขนส่งผู้โดยสารทางเรือ
ที่กองอำนวยการร่วมรักษาความสงบเรียบร้อย (กอร.รส.) พล.ต.พงษ์สวัสดิ์ พรรณจิตต์ รองแม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมเพื่อดูแลรองรับประชาชนที่จะเดิน ทางมาร่วมแสดงความอาลัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในช่วงวัน หยุดยาว รวมถึงกรณีที่จะมีการจัดกิจกรรมรวมพลังร่วมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี เพื่อบันทึกภาพประวัติศาสตร์ในวันที่ 22 ต.ค.ว่า จากการประเมินคาดว่าจะมีประชา ชนทั้งใน กทม.และต่างจังหวัด เดินทางมาเข้าร่วมแสดงความอาลัยในช่วงวันหยุดยาวทั้ง 3 วัน ไม่ต่ำกว่าวันละ 50,000 คน โดยจะมีจุดคัดกรองประชาชนบริเวณรอบพื้นที่สนามหลวง เพื่อดูแลเรื่องความปลอดภัย ส่วนยานพาหนะจะอนุญาตเฉพาะรถที่นำสิ่งของมาส่งเท่านั้น
พล.ต.พงษ์สวัสดิ์กล่าวว่า จากสถิติตัวเลขของสำนักพระราชวังเปิดเผยว่า 7 วันที่ผ่านมา มีประชาชนเดินทางมาแสดงความอาลัยประมาณ 225,000 คน คิดเฉลี่ยแล้ววันละ 40,000-50,000 คน โดยเฉพาะช่วงวันเสาร์ 15 ต.ค.ที่ผ่านมา มีคนมาร่วมเป็นจำนวนมากสุดถึง 70,000 คน ซึ่งทาง กอร.รส. จะเตรียมความพร้อมดูแลและอำนวยความสะดวกให้ประชาชนได้เข้ามาร่วมงานอย่างทั่วถึง
คุมเข้มดูแลประชาชน
ถามถึงการรองรับประชาชนที่จะเดิน ทางมาเข้าเฝ้าฯ และกราบถวายบังคมพระบรมศพ ตั้งแต่วันที่ 28 ต.ค.เป็นต้นไปนั้น พล.ต.พงษ์สวัสดิ์กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ได้มีการซักซ้อมการจัดทำบัตรคิว โดยเบื้องต้นทางสำนักพระราชวังระบุจะให้ประชาชนเข้าไปภายในรอบละ 100 คน และจะมีการขยายจุดลงนามแสดงความอาลัยให้มากขึ้น
“เมื่อวันที่ 20 ต.ค.ที่ผ่านมา เกิดปัญหาเรื่องการรับบัตรคิวแทน และเรื่องการปลอมบัตรคิว แต่ก็ยังเป็นส่วนน้อย เพราะประชาชนส่วนใหญ่มีน้ำใจต่อกัน และมีความตั้งใจมาแสดงความจงรักภักดี อย่างไรก็ตาม หลังจากรับบัตรคิวแล้ว อาจจะมีเวลาคลาดเคลื่อนบ้าง เนื่องจากจะต้องมีการจัดพระราช พิธี จึงมีความจำเป็นต้องปิดทางเข้า-ออกพระ บรมมหาราชวัง เพื่อดูแลรักษาความปลอดภัย ซึ่งเวลาอาจจะขยายออกไป ขอให้ประชาชนเข้าใจ แต่เจ้าหน้าที่พยายามอำนวยความสะดวกให้ประชาชนมากที่สุด” พล.ต.พงษ์ศักดิ์กล่าว
รองแม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้สั่งให้บริหารการจัดการเป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยให้ประชาชนเป็นศูนย์กลาง เพื่อให้ทุกคนได้มีโอกาสแสดงความจงรักภักดี และมีความปลอดภัย อีกทั้งได้เน้นย้ำเรื่องการดูแลผู้ป่วยและเด็กพลัดหลง ซึ่งได้มีการ ประชาสัมพันธ์ หากเป็นผู้ป่วยให้เขียนชื่อและโรคประจำตัว รวมถึงพกยาติดตัวมาด้วย เพื่อความสะดวกในการติดต่อ ขอฝากประชาชนช่วยกันเป็นหูเป็นตา หากพบเห็นส่งผิดปกติ ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และเทศกิจ หรือมาแจ้งได้ที่ กอร.รส
วันเดียวกัน พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น., พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รักษาการ ผบก.จร. ลงพื้นที่ตรวจความเรียบร้อย และจุดติดตั้งอุปกรณ์ตรวจจับโลหะ หรือการเข้า-ออกของบุคคล หรือเครื่องวอล์กทรู ที่จะนำมาติดตั้งบริเวณโดยรอบท้องสนามหลวง ป้องกันการนำอาวุธเข้ามาในพื้นที่จัดงาน โดยเบื้องต้นกำหนดติดตั้ง 7 จุด บนทางเดินเท้า ซึ่งใน 1 จุดจะมีหลายช่องทางเดิน และมีตำรวจประจำจุดละ 12 คน
พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติกล่าวว่า สำหรับพื้นที่รอบนอกที่จะเข้ามาในกรุงเทพมหานคร ได้กำชับแต่ละพื้นที่ตั้งด่านความที่มั่นคง เพื่อเป็นการคัดกรองกลุ่มผู้ไม่หวังดี แต่อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าประชาชนที่เดินทางมาต่างต้อง การมาแสดงความอาลัย น้อมรำลึก สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จึงเชื่อว่า จะไม่มีเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้น และตำรวจตลอดจนหน่วยงานความมั่นคงสามารถควบคุมดูแลสถานการณ์ได้
พล.ต.ท.ศานิตย์กล่าวว่า ได้มีการติดตั้งกล้องวงจรปิดโดยรอบพื้นที่ในรอบท้องสนามหลวง จากเดิม จำนวน 16 จุด และเตรียมติดตั้งเพิ่มอีก 16 จุด ขณะที่กำลังตำรวจที่จะใช้ดูแลความเรียบร้อยขณะนี้มี อยู่ 6 กองร้อย และในวันพรุ่งนี้ จะเพิ่มอีก 6 กองร้อย ในการดูแลประชาชน และยังมีกำลังทหารอีกส่วนหนึ่งที่มาดูแลความปลอด ภัยของประชาชน เนื่องจากต้องการให้ประชา ชนที่จะมาแสดงความอาลัยและร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี ได้มีความมั่นใจในความปลอดภัย
“ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำเครื่องวอล์กทรูมาติดตั้ง จำนวน 7 จุด คัดกรองที่ตรวจค้นอาวุธ โลหะ และสิ่งผิดกฎหมาย เพื่อไม่ให้นำอุปกรณ์ที่เป็นอาวุธเข้ามาในพื้นที่ได้ พร้อมกันนี้ ผบช.น.ได้ฝากถึงประชาชนที่จะเดินทางมาที่ท้องสนามหลวงไม่ควรนำรถส่วนตัวเข้ามา เพราะในพื้นที่สามารถรองรับรถได้เพียง 200 คันเท่านั้น” ผบช.น.กล่าว
นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะเลขานุ การศูนย์บัญชาการติดตามสถานการณ์ (ศตส.) กล่าวว่า ทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้จัด รถรับ-ส่งเพื่ออำนวยความสะดวกประชาชนที่เดินทางไปลงนามแสดงความอาลัย โดยบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ร่วมกับกระทรวงคมนาคม จัดรถโดยสารปรับ อากาศให้บริการประชาชนจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) เส้นทาง ทสภ.-โรงแรมรัตนโกสินทร์ ถนนราชดำเนินกลาง โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายแก่ผู้โดยสาร ผู้ใช้บริการ และประชาชนทั่วไปที่ประสงค์เดินทางไปร่วมแสดงความอาลัยและถวายบังคมพระบรมศพ
“รถจะเริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่ 21 ต.ค. จนถึงวันที่ 15 พ.ย.2559 ระหว่างเวลา 09.00-14.00 น. ซึ่งจะมีรถออกทุก 1 ชั่วโมง พร้อมทั้งบริการน้ำดื่มและลูกอมด้วย ทั้งนี้ ประชาชนสามารถขึ้นรถได้ที่บริเวณชานชาลาด้านหน้าประตู 8 ชั้น 1 อาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ” รมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าว.