ขาเม้าท์
เป็นเวลา 1 เดือนเต็มแล้วที่พระมหากษัตริย์อันเป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทย “พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช” สวรรคต…แม้หลายคนยังคงอยากให้เป็นเพียงแค่ฝันร้าย และยังคงยากที่จะทำใจยอมรับแต่ทุกอย่างต้องดำเนินต่อไปถึงพระองค์ท่านจะเสด็จสู่สวรรคาลัย แต่หลักคิดหลักการทำงานหลักการดำเนินชีวิตของพระองค์ยังคงอยู่ หากเราน้อมนำสิ่งเหล่านี้มาปฏิบัติในการดำรงชีวิต พระองค์จะยังคงสถิตอยู่ในดวงใจของเราไปตราบนานเท่านาน
เข้าสู่เรื่องราวดีๆของหนุ่ม-สาว ในรั้วมหาวิทยาลัยซึ่ง “ขาเม้าท์” บอกได้เลยว่า ตลอดช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา เหล่าวัยใสในมหาวิทยาลัย ต่างพร้อมใจกันทำความดีเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่ “ในหลวง นัชกาลที่ 9” กันทุกสถาบันทั่วประเทศ
เริ่มจาก “จูน” จริยา ผาสุขถิน ปี 3 สาขาวิศวกรรมสิ่งทอ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มทร.ธัญบุรี ที่เปิดให้บริการรับย้อมผ้าดำฟรี สำหรับประชาชนเพื่อแต่งกายไว้ทุกข์…”จูน” บอกถึงความในใจที่เข้ามาเป็นจิตอาสาว่า “ที่บ้านมีพระบรมฉายาลักษณ์ “ในหลวง รัชกาลที่ 9″ และเห็นพระองค์ทรงงานหนักเพื่อประชาน จึงอยากตอบแทนด้วยความรู้ความสามารถที่มีอยู่และพระองค์ท่านยังคงอยู่ในใจของพสกนิกรชาวไทยตลอดกาล”
ส่วนหนุ่ม “สรรพสิทธิ์ ถือพุดซา” หรือ “หมิง ร้อยเสียง” ปี 5 หลักสูตรดนตรีคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎนครราชสีมาที่แม้จะเป็นนักศึกษาผู้บกพร่องทางการมองเห็นแต่ใช้ความสามารถทางการแต่งเพลงและร้องเพลง “ทำดีเพื่อพ่อ” เพื่อแสดงความอาลัยและน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ ซึ่ง “หมิง” บอกว่า “แต่งเพลงนี้ขึ้นจากความรู้สึก จากการได้ยิน และได้ฟังเรื่องราวของพระองค์ตั้งแต่เกิด โดยพระองค์เสด็จฯเยี่ยมราษฎรทั่วประเทศเพื่อบรรเทาทุกข์ให้แก่ราษฎรอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยตลอด 70 ปีแห่งการครองราชย์ แม้แต่ผู้พิการอย่างผมยังสัมผัสได้ถึงความดีของพระองค์ จึงกลั่นทุกตัวอักษรแต่งเป็นบทเพลงออกมาจากใจ เพื่อแสดงให้เห็นถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์”…และ “หมิง” ยังร่วมกับเพื่อนๆถ่ายทำมิวสิกวีดีโอเพลงเผยแพร่ทาง www.youtube.com โดยพิมพ์ในช่องค้นหาว่า “ทำดีเพื่อพ่อ หมิง ร้อยเสียง” ก็จะได้ชมและฟังกันเลย
ปิดท้ายที่กิจกรรมดีๆ ของนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฎสุราษฎร์ธานี ที่พร้อมใจกันวาดภาพพระบรมสาทิสลักษณ์ “พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช” ที่กำแพงด้านหน้ามหาวิทยาลัย ยาว 70 เมตร เริ่มวาดตั้งแต่วันที่ 27 ต.ค.-3 พ.ย. ขณะนี้เปิดให้ประชาชนเข้าชมกันได้แล้ว…
ไทยรัฐ ฉบับวันที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559