นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณสูงสุดที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระราชทานพระราชานุญาต ให้อาจารย์และนักศึกษา สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตปทุมธานี(ปัจจุบันคือ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี) ดำเนินโครงการเกษตรผสมผสานในพื้นที่ส่วนพระองค์ 50 ไร่เพื่อเป็นสถานที่ฝึกทักษะประสบการณ์ของนักศึกษา วิจัยและพัฒนาด้านการเกษตรสำหรับคณาจารย์ ถือเป็นความภาคภูมิใจสูงสุดในชีวิตสำหรับนักศึกษาและคณาจารย์
อาจารย์ปรีชา ลามอ ในฐานะรองผู้อำนวยการฝ่ายกิจการพิเศษ สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตปทุมธานีหนึ่งในผู้รับผิดชอบโครงการในขณะนั้นเล่าว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงเห็นว่าการแก้ปัญหาเกี่ยวกับการประกอบอาชีพและความเป็นอยู่ของเกษตรกรนั้น จำเป็นต้องศึกษาทดลองและประยุกต์ใช้วิทยาการสมัยใหม่ที่เหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพแวดล้อมในท้องถิ่นนั้นๆ และเมื่อได้ผลเป็นที่น่าพอใจแล้วจึงเผยแพร่ส่งต่อไปยังเกษตรกรและประชาชนทั่วไป เพื่อการนี้พระองค์ทรงพระราชทานพระราชานุญาตให้อาจารย์และนักศึกษาคณะเทคโนโลยีการเกษตร สถาบันเทคโนโลยีราชมงคลวิทยาเขตปทุมธานี ได้ใช้พื้นที่ส่วนพระองค์คลองพระยาบันลือ จ.พระนครศรีอยุธยา ในการทำโครงการเพื่อประโยชน์แก่การศึกษาและหาแนวทางในการประกอบอาชีพเกษตรกรในลักษณะของเกษตรแบบผสมผสาน โดยมีเป้าหมายสูงสุดเพื่อชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน ซึ่งได้ประสานการทำงานกับคุณกวี อังศวานนท์ ซึ่งเป็นผู้อำนวยการโครงการพัฒนาส่วนพระองค์ และคุณอนิรุทธ์ ทินกร ณ อยุธยา ผู้จัดการส่วนงานบริหารโครงการพัฒนาส่วนพระองค์ในขณะนั้น
“ย้อนไปเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2542 วันอันเป็นมงคลที่ผม อาจารย์ นักศึกษาคณะเทคโนโลยีการเกษตร ได้ลงพื้นที่เป็นครั้งแรก พบว่าเป็นพื้นที่ว่างเปล่า บางส่วนเต็มไปด้วยวัชพืช และมีอาคาร 2 ส่วนด้วยกัน คือ โรงสำหรับเก็บของ และพลับพลาที่ประทับ และได้จ้างคนในละแวกนั้นทำงานเพิ่มเติม แต่ยังไม่สามารถจัดการพื้นที่ได้ทั้งหมด จึงได้ขอพระราชทานรถแทรกเตอร์จากพระองค์ท่าน ซึ่งท่านก็ทรงเมตตาพระราชทานให้ 1 คันสำหรับการปรับปรุงพื้นที่ เกลี่ยดินและใช้ทำการเกษตร” อาจารย์ปรีชา กล่าวด้วยความซาบซึ้งใจ
พื้นที่ส่วนพระองค์คลองพระยาบันลือ แห่งนี้ เหมาะสมกับการทำการเกษตรแบบผสมผสานมากกว่าการปลูกพืชเชิงเดี่ยว หรือปลูกเพียงแค่ชนิดเดียวบนพื้นที่ทั้งหมด เช่น การปลูกแปลงผักคะน้า การทำไร่ข้าวโพด หรือไร่อ้อย เป็นต้น เพราะหากเกิดโรคระบาดหรือแมลงศัตรูพืชจะสร้างความเสียหายต่อพืชผลเหล่านั้นหมดทั้งแปลงหรือทั้งไร่ได้ อีกทั้งพื้นที่โดยรอบเป็นนาข้าว ผู้ทำนาข้าว
ส่วนใหญ่จำเป็นต้องใช้สารเคมีฉีดพ่นนาข้าว เพราะมีแมลงศัตรูพืชเยอะมากที่มากัดกินหรือทำลายต้นข้าว ทำให้แมลงศัตรูพืชเข้ามาในพื้นที่ส่วนพระองค์ ซึ่งอาจจะ
สร้างความเสียหายได้และอาจจำเป็นต้องใช้สารเคมีในการกำจัดแมลง ซึ่งส่งผลเสียต่อผู้ปฏิบัติงาน ผู้บริโภคและระบบนิเวศ จึงเลือกทำโครงการเกษตรผสมผสาน แบ่งส่วนในพื้นที่เพื่อทำการเกษตรเช่น ส่วนของพืชไร่ พืชสำหรับอาหารสัตว์ไม้ดอก ไม้ผล ไม้ประดับ แปลงผักและพืชสมุนไพรต่างๆ รวมถึงการเลี้ยงปลา
ภายในโครงการได้ทำการขยายพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับกว่า 40,000 ต้น เช่นต้นเทียนทอง ออมเงิน พลูทอง พลูมรกตเข็มเศรษฐีมาเลเซีย ใบเงินใบทอง แก้วกาบหอยแครง เป็นต้น ส่วนพืชสมุนไพรได้มีการปลูกกว่า 1,000 ต้น จำพวกขมิ้นชัน ไพล เปราะหอม กระชายดำและรางจืด ขณะที่ไม้ผลได้ปลูกทั้งกล้วยมะม่วง มะพร้าวน้ำหอม กระท้อน ขนุนฝรั่ง เป็นต้น ส่วนผักที่ปลูกส่วนใหญ่จะเป็นผักกวางตุ้ง คะน้า แตงกวา บวบและปลูกผักหวานโดยการปลูกแซมในบางพื้นที่ด้วย ขณะเดียวกันยังได้ดำเนินโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ศึกษาการเจริญเติบโตของมะกอกน้ำมัน 4 สายพันธุ์จากประเทศสเปน คือ Arbequina Cornicabra Hojiblanca และ Manzanil lo ซึ่งพบว่าทั้ง 4 สายพันธุ์นี้มีการเจริญเติบโตที่ใกล้เคียงกัน
จากนั้นได้แบ่งพื้นที่ประมาณ 6 ไร่ขุดเป็นบ่อสำหรับเลี้ยงปลานิลประมาณ30,000 ตัว โดยอาหารที่ใช้เลี้ยงนั้นมี 2 แบบ อย่างแรกคือ กากถั่วเขียวจากโรงงานที่เหลือทิ้งจากกระบวนการผลิต ซึ่งช่วยลดต้นทุนค่าอาหารได้เป็นอย่างมากและอาหารเม็ดทั่วไป อีกทั้ง ยังเลี้ยงปลาทับทิมในกระชังริมแม่น้ำเจ้าพระยากว่า9,000 ตัว และปลานิลแดง พันธุ์จากวิทยาเขตปทุมธานีและวิทยาเขตกาฬสินธุ์รวมทั้งปลานิลจิตรลดา ซึ่งพบว่า ปลานิลที่เลี้ยงในกระชังริมแม่น้ำนั้นจะไม่มีกลิ่นดินกลิ่นคาว เวลานำไปประกอบอาหารเมื่อเทียบกับปลานิลที่เลี้ยงในบ่อดิน
อาจารย์ปรีชายังกล่าวอีกว่า ผลผลิตที่ได้จากโครงการ ทั้งพืชผัก ผลไม้และปลาต่างๆ บางส่วนได้ส่งให้กับโครงการพัฒนาส่วนพระองค์ อีกส่วนนำไปจัดจำหน่ายให้กับชาวบ้านในพื้นที่ เพื่อนำรายได้มาหมุนเวียนในโครงการต่อไปและอีกส่วนนำมาเป็นวัตถุดิบในการประกอบอาหารสำหรับนักศึกษาที่เข้าร่วมปฏิบัติงานในพื้นที่ ส่วนพันธุ์ไม้ที่ขยายพันธุ์แล้วบางส่วนได้บริจาคให้กับหน่วยงานในพื้นที่ใกล้เคียงเพื่อนำไปใช้ตกแต่งสถานที่ต่อไป
“กว่า 10 ปี บนพื้นที่ของพ่อหลวงรัชกาลที่ 9 ที่เกิดขึ้นนี้ ถือเป็นความภูมิใจของพวกเราชาวคณะเทคโนโลยีการเกษตร ที่ครั้งหนึ่งมีโอกาสได้เข้าไปทำ
เกษตรผสมผสานในพื้นที่ส่วนพระองค์เป็นเกียรติอันสูงยิ่งแก่สถาบันการศึกษาและดีใจที่เกิดบนพื้นแผ่นดินไทย แผ่นดินของพ่อ” อาจารย์ปรีชา กล่าวทิ้งท้าย
ขอบคุณข้อมูลจากอลงกรณ์ รัตตะเวทิน มทร.ธัญบุรี
edusiamrath@gmail.com
สยามรัฐ ฉบับวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559