สยามรัฐ ฉบับวันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2559
edusiamrath@gmail.com
“เมื่อทราบข่าวสำคัญทางทีวี เราบอกไม่ถูก เป็นความเสียใจครั้งใหญ่ในชีวิต เหมือนกำลังใจที่สำคัญขาดหายไป”
ความรู้สึกของ “อรธีรา รสหอม” เมื่อทราบถึงการเสด็จสู่สวรรคาลัยของ “ในหลวงรัชกาลที่ 9”
“อรธีรา” เป็นนักศึกษาที่มีความพิการทางการเคลื่อนไหว และเป็นหนึ่งในนักศึกษาทุนมูลนิธิสำนักทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ปัจจุบันศึกษาชั้นปีที่ 2 (หลักสูตรต่อเนื่อง) สาขาการตลาด คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.)ธัญบุรี
“มีชีวิตอยู่มาถึงวันนี้ได้ เพราะพระองค์ท่านทรงมีพระเมตตากับตนและครอบครัว อย่างหาที่สุดมิได้”
อุบัติเหตุครั้งใหญ่ในชีวิตตอนเรียนชั้นม.2 โรงเรียนศรีวิชัย ทำให้อรธีราสลบไปถึง 9 วันอยู่ในห้อง ICU 19 วัน และต้องใช้เวลารักษาตัวในโรงพยาบาลนานถึง 4 เดือน และทำให้เธอกลายเป็นคนพิการทางการเคลื่อนไหว (ขาขวาต้องใส่ขาเทียม และใส่วิกผมตลอดชีวิต)
“ตอนนั้นได้แต่ร้องไห้คร่ำครวญกับแม่ว่าอยากตาย ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว เพราะทรมานกับแผลไฟไหม้ ที่ต้องตัดชิ้นเนื้อในร่างกายมาปะติด อีกทั้งการผ่าตัดแต่ละครั้ง มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง ทางบ้านฐานะไม่ดี พ่อแม่ก็หย่าร้างกัน รอดมาได้แต่ก็กลายเป็นภาระ…แม่ก็หมดหนทาง แล้วจึงเขียนฎีกาถวาย “ในหลวง” อรธีรา เล่าถึงวันวาน
“จำรูญ แพ่งสุภา” แม่ของอรธีรา เล่าเสริมว่า “ตอนที่ตัดสินใจ เขียนฎีกาถวาย “ในหลวง”เพราะไม่มีใครช่วยเหลือลูกสาวได้ ก็นึกถึงแต่”ในหลวง ท่านเป็นเทวดาที่ อยู่บนดิน” พระองค์เป็นความหวังเดียวที่สามารถช่วยชีวิตลูกสาวได้…ผ่านไปประมาณ 1 เดือน ก็ได้รับการติดต่อกลับมาทางการขอข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรายละเอียดและมีเจ้าหน้าที่ของจังหวัด เข้ามาสำรวจ…ผ่านไปประมาณอีก 1 เดือน ลูกสาวก็ได้รับพระเมตตาทรงรับเป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์ รักษาพยาบาลกันจนเดินได้ และยังได้เป็นนักศึกษาทุนของมูลนิธิสำนักทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์จนสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี นอกจากนี้ยังพระราชทุนดำรงชีพแก่ครอบครัว 50,000 บาท เป็นทุนเริ่มต้นชีวิตใหม่ ตนก็นำมาเปิดร้านขายของชำในหมู่บ้าน…ทำแบบพอเพียง”
“วันนี้เหมือนได้ชีวิตใหม่ แม้ร่างกายจะไม่สมบูรณ์เหมือนเดิม แต่เมื่อนึกถึง “ในหลวงรัชกาลที่ 9” พระองค์ทรงงานหนักเพื่อพสกนิกรและยังมีสายพระเนตรมองเห็นและช่วยเหลือประชาชนอย่างเรา ก็ทำให้เกิดขวัญและกำลังใจแก่ชีวิตมากขึ้น วันที่พระองค์เสด็จสู่สวรรคาลัย…โทรศัพท์ไปบอกแม่..แม่บอกกับเรา ว่า ต้องอดทน เข้มแข็ง ให้ตั้งใจทำความดีไม่ให้ท้อ เป็นคนดี พระองค์ท่านทรงพระเมตตากับเรามาก
ครอบครัว “รสหอม” มีโอกาสได้แสดงความจงรักภักดี ด้วยเป็นส่วนหนึ่งในการรวมพลังความภักดี ร้องเพลง “สรรเสริญพระบารมี” ที่ท้องสนามหลวง เราตื้นตันมาก แม้ร่างกายจะไม่พร้อมต้องเดินด้วยขาเทียมแต่ไม่ท้อและไม่หมดกำลังใจที่จะทำความดีเพื่อพระองค์และตั้งใจ จะไปกราบพระบรมศพ พระบรมโกศด้วย
…ทรงเป็นเทวดาที่อยู่บนดิน ไม่มีอะไรมาเทียบได้ ทรงมีพระเมตตาต่อครอบครัว เป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างล้นพ้น เงินทุนการศึกษาที่ได้รับมาก็ยกขึ้นเหนือหัว รู้จักใช้จ่ายอย่างประหยัด นำ “คำพ่อสอน” มาปรับใช้ใช้ชีวิต บอกตัวเองเสมอว่าต้องทำตัวเองให้มีคุณค่า ตอนนี้ก็ทำงาน Part-Time ที่ห้างสรรพสินค้าโลตัส คลอง7 และกองประชาสัมพันธ์ มทร.ธัญบุรี ทำให้มี
รายได้มาแบ่งเบาภาระครอบครัว แม้ทางมหาวิทยาลัย จะสนับสนุนทุนให้เปล่า แต่ปีการศึกษานี้ปฏิเสธไม่รับเพราะอยากให้คนอื่นได้รับโอกาสเหมือนเราบ้าง” อรธีรา กล่าวทิ้งท้าย
อีกหนึ่งชีวิตที่ได้รับพระเมตตาจาก “ในหลวงรัชกาลที่ 9”
ขอบคุณข้อมูล ชลธิชา ศรีอุบล มทร.ธัญบุรี
“…นึกถึงแต่ “ในหลวง”ท่านเป็นเทวดาที่อยู่บนดิน…”