
วันที่ 1 กุมภาพันธ์ ในการบำเพ็ญกุศลอุทิศถวายพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง นับเป็นวันที่ 11 หลังเสร็จสิ้นพิธีหลวง หรือพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลสตมวาร(100 วัน) ถวายพระบรมศพ การนี้สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชานุญาตให้ราชสกุล องคมนตรี คณะรัฐมนตรี กระทรวง ทบวง กรม องค์กรอิสระ รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชน ร่วมเป็นเจ้าภาพในการบำเพ็ญกุศลถวายพระบรมศพ โดยแบ่งออกเป็น 4 รอบ เวลา 10.00 น. 14.30 น. 17.00 น. และเวลา 19.00 น. รอบละ 11 คณะ คณะละ 50 คน หมุนเวียนจนกว่าจะครบจำนวนเจ้าภาพตามที่แสดงความจำนง
เวลา 10.00 น. นายอาสา สารสิน ประธานกรรมการบริษัท ผาแดงอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) เป็นประธานบำเพ็ญกุศลและถวายภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์ 10 รูป จากวัดเสนาสนาราม วัดโตนดเตี้ย วัดชัยมงคล วัดลาดระโหง วัดพระขาว จ.พระนครศรีอยุธยา วัดสาลี วัดแค วัดสำปะซิววัดเถรพาย จ.สุพรรณบุรี วัดประชาสรรค์ จ.นครสวรรค์ ที่สวดพระพุทธมนต์ โดยมี บริษัท ผาแดงอินดัสทรี จำกัด (มหาชน), ฝ่ายวิสัญญีวิทยา โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์, โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาการุณย์, คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล, นายทองเพิ่ม อุปริมทิศและคณะ, พล.อ.สุนทร ขำคมกุล และครอบครัว, สมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนอัสสัมชัญ รุ่น 2516, สำนักงานชลประทาน ที่ 14 กรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์, สำนักงานสาธารณสุข อ.ตะพานหิน, คณะศิษย์เก่าโรงเรียนค้อวังวิทยาคม รุ่น 13 อ.ค้อวัง จ.ยโสธร, สมาคมวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร ในพระบรมราชูปถัมภ์, คณะสกุลกุลละวณิชย์ ร่วมเป็นเจ้าภาพ
จากนั้นเวลา 14.30 น. นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะนายกสมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนตราษตระการคุณ จ.ตราด เป็นประธานในพิธีบำเพ็ญกุศลโดยมีพระสงฆ์ 10 รูป จากวัดหนองจรเข้ จ.ปราจีนบุรี วัดประชาสรรค์ จ.นครสวรรค์ วัดนกกระจาบ ม่วงหวาน วัดธรรมโชติการาม วัดโพธิ์ วัดพระขาว วัดพิกุล วัดไผ่ล้อม จาก จ.พระนครศรีอยุธยา สวดมาติกาและสดับปกรณ์ โดยมี สภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์, นักศึกษาหลักสูตรป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่นที่ 49, บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน), สมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนตราษตระการคุณ จ.ตราด, บริษัท สยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด, บริษัทสยามคูโบต้า ลีสซิ่ง จำกัด, ชมรมร้านค้าสยามคูโบต้าภาคเหนือ และภาคอีสาน, ชมรมร้านค้าสยามคูโบต้าภาคกลางและภาคใต้, โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สมาคมผู้ปกครองและครู โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ, เจ้าหน้าที่กรมการค้าต่างประเทศ, คณะศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ร่วมเป็นเจ้าภาพ
ส่วนเวลา 17.00 น. นายไพรัช มณฑาพันธุ์ นายกสมาคมนักเรียนเก่าราชวินิตเป็นประธานพิธีบำเพ็ญกุศลพระสงฆ์ 10 รูป จากวัดวีระโชติธรรมาราม จ.ฉะเชิงเทรา วัดหนามแดง วัดบางโฉลงใน วัดศรีวารีน้อย จ.สมุทรปราการ วัดจระเข้ใหญ่ จ.สุพรรณบุรี และวัดม่วงแค สวดมาติกา และสดับปกรณ์ ทั้งนี้ ศิษย์เก่านักเรียนโรงเรียนราชวินิต รุ่น 8, สมาคมนักเรียนเก่าราชวินิต, บริษัทอลูคอน จำกัด (มหาชน), ชมรมครูเกษียณ และศิษย์เก่าราชวินิต, นักเรียนเก่าราชวินิต รุ่นที่ 3, บริษัทดีเอสเอ็ม นิวทริชั่นแนลโปรดักส์ (ประเทศไทย จำกัด), บริษัท วอเตอร์ไซต์ เรสเตอรองท์ จำกัด, ราชวินิต รุ่น 5 และธรรมศาสตร์ รุ่น 21, ชมรมนักเรียนเก่าราชวินิต รุ่น 7, ศิษย์เก่าโรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชา รุ่น 3316, คณะนักศึกษาหลักสูตรพัฒนาสัมพันธ์ระดับผู้บริหาร กองทัพอากาศ รุ่นที่ 11 ร่วมเป็นเจ้าภาพ
และเวลา 19.00 น. พระพิธีธรรม 8 รูป จากวัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร และวัดจักรวรรดิราชาวาสวรมหาวิหาร สวดพระอภิธรรมพระบรมศพ โดยมีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี จ.ปทุมธานี, มหาวิทยาลัยปทุมธานี, มหาวิทยาลัยอีสเทิร์นเอเชีย, มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์, มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ จ.ปทุมธานี, มหาวิทยาลัยราชพฤกษ์ และสถาบันในเครือตั้งตรงจิตร, มหาวิทยาลัยศรีปทุม, มหาวิทยาลัยเฉลิมกาญจนา, วิทยาลัยเทคโนโลยียานยนต์, ศูนย์บริหารวิชาการแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, หลักสูตรการจัด การด้านโลจิสติกส์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รุ่นที่ 6 ร่วมเป็นเจ้าภาพ
พระเมตตาจากพระบรมวงศานุวงศ์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่เต็นท์อาหารพระราชทานของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งตั้งอยู่บริเวณหน้าประตูศรีสุนทร ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งเป็นประตูทางออกของพสกนิกรหลังกราบสักการะพระบรมศพ การนี้สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้หน่วยทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ฯ นำอาหาร ขนม ของว่าง และน้ำดื่มพระราชทานมาแจกจ่ายให้ประชาชนตลอดทั้งวัน
ขณะที่เต็นท์หน่วยแพทย์พระราชทาน ซึ่งตั้งอยู่ภายในท้องสนามหลวง ด้านทิศเหนือ ฝั่งศาลฎีกา สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี พร้อมด้วยพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ ทรงห่วงใยในพสกนิกร ที่เดินทางมากราบสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จึงมีรับสั่งให้มีหน่วยแพทย์พระราชทานมาดูแลสุขภาพประชาชนเป็นประจำทุกวันจนกระทั่งถวายพระเพลิงพระบรมศพ โดยวันนี้มีแพทย์ พยาบาล เภสัชกร และเจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลจุฬาภรณ์มาบริการตรวจรักษาประชาชนที่มาสักการะพระบรมศพ สำหรับวันนี้ผู้เข้ารับการรักษาส่วนมากเป็นโรคที่เกี่ยวกับทางเดินหายใจ กล้ามเนื้อ ปวดเมื่อย
นอกจากนี้โรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ กรมการแพทย์กระทรวงสาธารณสุขได้นำทีมบุคลากรมาร่วมมอบแว่นสายตาแก่ผู้สูงอายุ ในโครงการ “คนไทยต้องตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน” โดยจะนำมาแจกทุกวันที่ 1-5 ของเดือน
พระองค์หญิงสิริวัณณวรีฯ ประทานเข็มกลัดโบ
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ โปรดให้ผู้แทนพระองค์นำเข็มกลัดโบสีดำไว้ทุกข์ตรงกลางติดเหรียญบาท ด้านหลังปลายริบบิ้นติดป้ายสีขาวข้อความ “๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๙” จำนวน 1 หมื่นชิ้น มามอบให้เจ้าหน้าที่สำนักพระราชวัง เพื่อแจกจ่ายให้แก่ประชาชน หลังเดินทางเข้ากราบสักการะพระบรมศพ ที่บริเวณทางออกประตูเทวาภิรมย์ ในพระบรมมหาราชวัง สร้างความปลาบปลื้มให้แก่ผู้ที่ได้รับเป็นอย่างยิ่ง
พสกนิกรเข้ากราบสักการะพระบรมศพต่อเนื่อง
สำหรับบรรยากาศภายในพระบรมมหาราชวังวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักพระราชวังเปิดให้ประชาชนเข้ามากราบสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช ตั้งแต่เวลา 04.50 น. มีประชาชนจากทั่วทุกสารทิศมารอต่อแถวเข้ากราบสักการะพระบรมศพ เบื้องหน้าพระบรมโกศ กันอย่างเนืองแน่นท่ามกลางอากาศที่ค่อนข้างร้อนอบอ้าว
นางไพรินทร์ แจ้งภูเขียว อายุ 50 ปี เดินทางมาจาก จ.เพชรบูรณ์ พร้อมด้วยญาติๆ รวมทั้งหมด 7 คน โดยเช่ารถตู้ออกเดินทางมาตั้งแต่เวลา 06.00 น. เมื่อมาถึงบริเวณสนามหลวงรอไม่นานนักก็ได้เข้ากราบสักการะพระบรมศพ เบื้องหน้าพระบรมโกศ พร้อมตั้งจิตจะคิดดี ทำดี และเป็นประชาชนที่ดีของประเทศตลอดไป
“ตอนพระองค์ท่านยังทรงพระชนม์ชีพอยู่ไม่เคยมีโอกาสรับเสด็จพระองค์ท่าน แต่ก็รับรู้ถึงการทรงงานของพระองค์ท่านมาตลอด ประทับใจทุกๆ อย่างที่พระองค์ทรงทำเพื่อคนไทย อย่างที่เพชรบูรณ์เมื่อก่อนชาวเขาปลูกฝิ่นกันมาก พระองค์ท่านก็ทรงเข้าไปดูแลและพระราชทานคำแนะนำให้ชาวบ้านเลิกปลูกฝิ่นแล้วหันมาปลูกสตรอเบอร์รี่แทน พร้อมพระราชทานพันธุ์สตรอเบอร์รี่แก่ชาวบ้าน ทำให้ชาว
บ้านมีรายได้เพิ่มขึ้นและมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และจากที่เห็นพระองค์ท่านทรงงานมาตลอดตัวเราเองจึงยึดพระองค์ท่านเป็นแบบอย่างในทุกๆ เรื่อง โดยเฉพาะเศรษฐกิจพอเพียงด้วยการทำไร่นาสวนผสมในบริเวณบ้านที่ จ.เพชรบูรณ์ ทั้งเลี้ยงปลา ปลูกผักและผลไม้ไว้กินเอง แต่หากพอมีเหลือก็จะขายบ้าง” นางไพรินทร์กล่าว ด้าน นายเอกอนันต์ ดอกม่วง หัวหน้าอาจารย์ประจำแผนกช่างยนต์ วิทยาลัยการอาชีพปากช่อง จ.นครราชสีมา นำคณะนักเรียนชั้น ปวช.ปี 3 แผนกช่างยนต์ จำนวน 45 คน และครูรวม 5 คน มากราบสักการะพระบรมศพ โดยออกเดินทางด้วยรถทัวร์ตั้งแต่เวลา 04.00 น. มาถึงบริเวณสนามหลวงประมาณ 08.30 น. และได้ขึ้นไปกราบพระบรมศพประมาณ 10.00 น.
“ครั้งนี้นับเป็นครั้งหนึ่งในชีวิตที่มีโอกาสได้ใกล้ชิดพระองค์ท่านมากที่สุด ขอให้พระองค์ท่านไปสู่สวรรคาลัย ส่วนตัวเองจะจดจำคำสอนไปปฏิบัติตาม อย่างตัวผมเป็นครูเป็นแม่พิมพ์ของชาติ มีหน้าที่ถ่ายทอดความรู้แก่เด็กๆ อย่างเต็มที่ เพื่อให้พวกเขานำไปพัฒนาประเทศต่อไปในอนาคต นอกจากนี้ยังได้น้อมนำแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในชีวิตประจำวันด้วยการประมาณค่าใช้จ่ายของตัวเอง และไม่ฟุ้งเฟ้อ” แม่พิมพ์ของชาติกล่าว
นายศราวุธ ผูกแก้ว อายุ 18 ปี นักศึกษาชั้นปวช.ปี 3 วิทยาลัยการอาชีพปากช่อง เผยว่า ไม่เคยมีโอกาสรับเสด็จพระองค์ท่านมาก่อน แต่เห็นการทรงงานผ่านทีวี เห็นว่าพระองค์ทรงงานมากมายเพื่อประชาชนคนไทย ตอนที่ขึ้นไปกราบสักการะเบื้องหน้าพระบรมโกศจึงได้ตั้งจิตอธิษฐานว่าหากชาติหน้ามีจริงจะขอเกิดเป็นข้ารองพระบาทพระองค์ท่านทุกชาติไป ส่วนในชาตินี้ขอน้อมนำแนวพระราชดำริของพระองค์มาใช้ในชีวิตประจำวัน โดยเน้นเรื่องการใช้จ่ายอย่างประหยัด ไม่ฟุ่มเฟือย และหากมีเหลือต้องเก็บออมด้วย
ขณะที่ 2 พยาบาลสาวจากโรงพยาบาลเอกชนย่านสุขุมวิท นางชัชชนก พัฒนบุณยากร วัย 49 ปี และ น.ส. กิติยา สุวัณณะสังข์ วัย 42 ปี กล่าวว่า เคยมาต่อแถวกราบสักการะพระบรมศพแล้วครั้งหนึ่ง แต่ครั้งนั้นคนเยอะมาก บวกกับมีภารกิจที่ต้องทำจึงยังไม่ได้เข้าไปกราบสักการะพระบรมศพ วันนี้จึงนัดกับเพื่อนมากันอีกครั้งหนึ่ง มาถึงเมื่อประมาณ 09.00 น. รอประมาณ 1 ชั่วโมงเท่านั้นก็ได้เข้ากราบ ซึ่งถือว่าโชคดีมากๆ
“โดยส่วนตัวได้น้อมนำคำสอนของพระองค์มาใช้โดยตลอด ที่ใกล้ตัวที่สุดคือเรื่องความพอเพียง มีแค่ไหนก็ใช้เท่านั้นไม่ใช้จ่ายเกินตัว แต่ต้องเข้าใจว่าความพอเพียงของแต่ละคนไม่เท่ากัน เราต้องเริ่มจากตัวเองก่อน ที่ใกล้ตัวเลยก็อย่างเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า มีแค่พอใช้หรือไม่ ส่วนลูกๆ เราก็เริ่มต้นด้วยสิ่งใกล้ตัวอย่างของเล่นดูว่าจำเป็นไหม หากมากไปก็ต้องรู้จักแบ่งปันตามที่พระองค์ท่านทรงสอน กษัตริย์ของเราเป็นกษัตริย์ที่ทรงปฏิบัติไม่เหมือนกษัตริย์ ทรงงานยิ่งกว่าคนธรรมดาเสียอีก คงไม่มีกษัตริย์ประเทศไหนในโลกที่จะทำได้เช่นเดียวกับพระองค์ท่าน” พยาบาลสาวต่างวัย ผลัดกันเล่าด้วยความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ
ด.ต.สมชัย โฉมงาม อายุ 68 ปี ราษฎรพิทักษ์ป่าเพื่อรักษาชีวิตและผู้นำองค์กรลูกเสือชาวบ้านกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ เดินทางมาสักการะพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เป็นครั้งที่ 9 ซึ่งครั้งนี้ได้นำรูปภาพไม้จันทน์หอมต้นที่ 1 จากอุทยานแห่งชาติกุยบุรี ที่ใช้ในการสร้างพระเมรุมาศมาด้วย เปิดเผยว่า ตั้งใจจะเดินทางมาสักการะพระบรมศพอีกหากมีโอกาสและจะเดินทางมาจนกว่างานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพจะเสร็จสิ้น เพราะซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ทรงมีต่อประชาชนชาวไทย ในพื้นที่กุยบุรี พระองค์ท่านได้มีพระราชดำริให้สร้างอ่างเก็บน้ำถึง 3 แห่ง คือ อ่างเก็บน้ำยางชุม อ่างเก็บน้ำวังเต็น และอ่างเก็บน้ำยันซิว และพระองค์ยังได้มีพระราชดำริให้ใช้พื้นที่ป่าในกุยบุรีที่ถูกบุกรุกมาจัดตั้งเป็นหมู่บ้านรวมไทยให้ชาวบ้านได้มีที่อยู่อาศัยและทำกิน พร้อมทั้งการโครงการฟื้นฟูป่าและจัดพื้นที่อนุรักษ์ช้างป่าด้วย ซึ่งพระองค์ท่านให้ความสำคัญเรื่องสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมาก
“ผมมีโอกาสรับเสด็จในหลวงรัชกาลที่ 9 เมื่อครั้งที่พระองค์ท่านเสด็จฯ มาเยี่ยมเยือนราษฎรชาวกุยบุรี เมื่อปี 2523 และได้รับพระราชทานของจากพระหัตถ์ของพระองค์ท่าน เป็นสิ่งประทับใจที่สุดในชีวิต ทั้งนี้ โครงการในพระราชดำริของพระองค์ท่านกว่า 4 พันโครงการ เป็นโครงการที่ให้ประโยชน์ และควรมีการเรียนรู้ต่อยอด ซึ่งผมจะพยายามศึกษาและนำความรู้มาถ่ายทอดให้เยาวชนรุ่นหลังได้เรียนรู้และสืบสานตามพระราชปณิธานของพระองค์ โดยส่วนตัวน้อมนำแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน ทั้งการปลูกพืชผักกินเอง และการใช้จ่ายประหยัดไม่ฟุ่มเฟือย” ด.ต.สมชัย กล่าว
อย่างไรก็ตาม สำนักพระราชวังได้สรุปยอดรวมประชาชน ที่เดินทางมาสักการะพระบรมศพ เมื่อวันที่ 31 มกราคม หลังปิดไม่ให้ประชาชนเข้าพระบรมมหาราชวัง เพื่อขึ้นกราบสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในเวลา 21.05 น. ว่า มีจำนวนทั้งสิ้น 32,361 คน รวม 90 วัน มี 3,937,475 คน และมีประชาชนทูลเกล้าฯ ถวายเงินเพื่อร่วมบำเพ็ญกุศลเป็นเงิน 3,115,309.25 บาท รวม 90 วัน เป็นเงินทั้งสิ้น 332,155,087.34 บาท