
โพสต์ทูเดย์ ฉบับวันที่ 08 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560
เรื่อง ภาดนุ
ภาพ วิศิษฐ์ แถมเงิน
หนุ่มหล่อล่ำวัย 24 ปี คมธนู ควรประเสริฐ หรืออู๋ เป็นทั้งผู้บริหารเจเนอเรชั่นใหม่เจ้าของธุรกิจโรงเรียนระดับประถม-อาชีวะ เป็นนายแบบโฆษณา และเป็นเทรนเนอร์ออนไลน์ ล่าสุดเขายังติด 1 ใน 50 หนุ่มโสดคลีโอประจำปี 2016 อีกด้วย
“ผมเรียนจบปริญญาตรีสาขาวิชาธุรกิจระหว่างประเทศ หลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยมหิดลอินเตอร์ และตอนนี้กำลังศึกษาประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครูอยู่ที่มหาวิทยาลัยราชมงคลธัญบุรีด้วยครับ เนื่องจากครอบครัวของผมเป็นเจ้าของโรงเรียน ซึ่งมีด้วยกัน 6 แห่งคือ โรงเรียนเซนต์มารีอา มีนบุรี (อนุบาล-ประถม) โรงเรียนเซนต์มารีอา แม่สรวย จ.เชียงราย (อนุบาล-มัธยมต้น) โรงเรียนเซนต์นีโอ ศรีชนแดน จ.เพชรบูรณ์ (อนุบาล-มัธยมต้น) วิทยาลัยเทคโนโลยีเซนต์นีโอ ศรีชนแดน (S-Tech) จ.เพชรบูรณ์ โรงเรียนอุ่นไอรัก จ.เชียงใหม่ (อนุบาล-ประถม) และวิทยาลัยเทคโนโลยีพะเยา (P-Tech) จ.พะเยา ทั้งหมดนี้เป็นโรงเรียนที่สอนด้วยภาษาไทย แต่ก็มีการสอนภาษาอังกฤษผสมผสานอยู่ด้วย
โรงเรียนทั้ง 6 แห่งที่ครอบครัวเราเปิดนี้จะไม่เก็บ ค่าเทอมครับ เพราะเราได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาล ดังนั้นเด็กนักเรียนจะจ่ายเงินเฉพาะแค่ค่าอุปกรณ์การเรียนที่จำเป็นของแต่ละคนเท่านั้น เพราะจุดประสงค์หลักของครอบครัวเราคือทำธุรกิจในแบบที่เราอยู่ได้ ไม่เน้นกำไรมากมาย โดยปัจจุบันนี้เราเปิดโรงเรียนมาได้ 15 ปีแล้วครับ”
คมธนู เล่าว่า แรกเริ่มเดิมทีแล้วคุณพ่อของเขาทำธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์มาก่อน แต่เมื่อมีเพื่อนคุณพ่อที่ เปิดโรงเรียนมาบอกขายต่อกิจการแรกที่ จ.พะเยา คุณพ่อเขาจึงซื้อโรงเรียนมาบริหารต่อ ปรากฏว่าพอทำไปก็พบกับความสุขที่เห็นเด็กๆ ได้มีที่เรียน มีข้าวกลางวันกินฟรี ในขณะที่ธุรกิจพออยู่ได้ คุณพ่อเขาจึงค่อยๆ ซื้อกิจการของ อีกหลายโรงเรียนที่บอกขาย และทำธุรกิจเปิดโรงเรียนด้วยความสุขมาเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงวันที่ท่านจากไป
“โรงเรียนแต่ละแห่งจะมีจำนวนเด็กนักเรียนแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับพื้นที่และความต้องการของคนในชุมชนนั้น เป็นหลัก อย่างโรงเรียนที่ จ.เพชรบูรณ์ จะมีเด็กเยอะที่สุดคือ 1,500 คน เพราะมีตั้งแต่เด็กอนุบาลไปจนถึงอาชีวะเลย ส่วนที่กรุงเทพฯ เด็กนักเรียนจะน้อยสุด เพราะเพิ่งเปิดมา ได้ไม่นาน
พอคุณพ่อผมเสียชีวิต ด้วยความที่ผมเป็นลูกชายคนเดียวของครอบครัว ผมเลยต้องเข้ามาเรียนรู้และเริ่มช่วย คุณแม่บริหารโรงเรียนทั้ง 6 แห่งนี้ต่อไป โดยตั้งใจว่าจะเรียนวิชาชีพครูเพิ่มเติม เพราะในอนาคตอาจจะต้องมาสอนนักเรียนเองด้วย และผมตั้งใจไว้ว่าจะเรียนต่อปริญญาโทด้านบริหารการศึกษาต่อเนื่องกันไปเลย แล้วเมื่อจบปริญญาโทก็จะเรียนต่อดอกเตอร์ด้วยครับ”
คมธนู บอกว่า การที่เขาเข้ามาช่วยครอบครัวบริหารงานตอนที่อายุยังน้อย เป็นสิ่งที่เขาไม่ได้คาดคิดเอาไว้ เพราะตอนที่คุณพ่อยังมีชีวิตอยู่ได้เคยบอกไว้ว่า จะให้เขาเข้ามาช่วยดูแลบริหารโรงเรียนตอนเขาอายุ 30 ปี แต่เมื่อมีเหตุการณ์ไม่คาดคิดที่ทำให้ต้องเข้ามาก่อนเวลา จึงมีทั้งเรื่องที่ท้าทายและอุปสรรครอเขาอยู่เช่นกัน
“ที่จริงแล้วก่อนหน้านี้งานหลักของผมก็คือเป็นเทรนเนอร์ทางออนไลน์และเป็นนายแบบโฆษณาที่ต้องมีการแคสติ้ง งานอยู่เป็นประจำ ผมยังไม่ได้สนใจธุรกิจของครอบครัว สักเท่าไหร่ เพราะยังต้องการหาประสบการณ์ใหม่ๆ เพื่อเปิดโลกทัศน์ให้กับตัวเองก่อน แต่เมื่อต้องเข้ามาช่วยคุณแม่ ผมก็ต้องเต็มใจทำอย่างแน่นอน ซึ่งจริงๆ แล้วระบบโครงสร้างของโรงเรียนมันได้ถูกวางไว้เรียบร้อยแล้ว แต่เราก็ยังต้องมาคิดว่า ควรทำยังไงให้มีเด็กๆ เข้ามาสมัครเรียนในโรงเรียนทั้ง 6 แห่งของเรามากขึ้น
แน่นอนว่าเราก็ต้องใช้วิธีออกไปแนะแนวเด็กตามโรงเรียนต่างๆ ที่เขาเรียนอยู่ หรือไปแนะแนวผู้ปกครองตามเนิร์สเซอรี่สำหรับเด็กที่จะเข้าเรียนชั้นอนุบาลและประถม เป็นต้น ซึ่งทุกโรงเรียนจะมีระบบแบบนี้อยู่แล้ว แต่สิ่งที่ผมต้องคิดเพิ่มเติมก็คือ จะบริหารบุคลากรในโรงเรียนอย่างไรให้ทำงานกันต่อไปได้ด้วยดีและราบรื่นซะมากกว่า”
คมธนู บอกว่า สิ่งที่เขาได้เรียนรู้ก็คือต้องคอยสังเกตดูว่าคุณแม่มีวิธีบริหารและวิธีตัดสินใจในเรื่องต่างๆ อย่างไรเมื่อเกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้น แต่ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไป การตัดสินใจในบางเรื่องของเขาก็อาจจะไม่เหมือนคุณแม่ 100% ก็ได้ แต่เขาอาจจะนำแนวคิดของคุณแม่มาปรับใช้ให้เข้ากับยุคสมัยมากขึ้น
“อุปสรรคเดียวของผมตอนนี้ก็คือผมอายุยังน้อย การที่ผมเข้ามาบริหารก็อาจจะยังไม่ได้รับความเชื่อมั่นจากเหล่าครูอาจารย์ทั้งหลายมากนัก จากที่คุณพ่อผมเป็นท่านประธานของโรงเรียนในเครือ ซึ่งมีลูกน้อง 400-500 คน แล้วอยู่ดีๆ วันหนึ่งผมต้องไปเป็นเจ้านายของพวกเขาแทน แน่นอนว่าพวกเขาก็อดที่จะเปรียบเทียบผมกับคุณพ่อไม่ได้ ซึ่งผมก็คงต้องอาศัยเวลาเพื่อพิสูจน์ตัวเองต่อไป
แม้ต้องเข้าไปช่วยงานบริหารโรงเรียน แต่อีกพาร์ตหนึ่งผมก็ยังทำงานที่ตัวเองรักอยู่ นั่นก็คือการไปแคสติ้งงานโฆษณาทางทีวี ซึ่งที่ผ่านมาผมได้ถ่ายโฆษณา เช่น ฟิชเชอร์แมนส์เฟรนด์ ฮอนด้า และแกสบี้ และตอนนี้ยังคงเป็นเทรนเนอร์ออนไลน์อยู่ด้วย โดยช่วยให้คนที่มาปรึกษาไปถึงเป้าหมายที่พวกเขาต้องการ นั่นคือ การลดน้ำหนัก เพิ่มกล้ามเนื้อ และรักษารูปร่างให้ดีไว้ ซึ่งผมจะคอยจัดตารางการกินอาหาร รวมทั้งตารางการออกกำลังกายให้พวกเขาด้วย โดยจะเน้นให้ความสำคัญกับการกินอาหารที่ถูกต้องเป็นหลัก สอนการคำนวณแคลอรีในการกิน พร้อมทั้งแนะนำการออกกำลังกาย โดยให้พวกเขาส่งการบ้านมาทางไลน์อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง เพื่อดูว่ารูปร่างของพวกเขาเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นหรือไม่”
คมธนู เสริมว่า หลักในการทำงานของเขาทั้งในเรื่องการบริหารโรงเรียน และงานส่วนตัวทางด้านนายแบบและเทรนเนอร์ เขาจะยึดถือคติที่ว่า ชีวิตคนเรามันไม่แน่ไม่นอน ฉะนั้นเมื่อมีโอกาสทำอะไร ก็ควรทำทุกวินาทีให้ดีที่สุดในทุกๆ วัน ทำให้เหมือนกับวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เราได้ทำงาน เชื่อเถอะว่าผลที่ออกมานั้นต้องดีแน่นอน
“ในอนาคตผมวางแผนไว้ว่า อยากจะเรียนให้จบปริญญาโทไม่เกินอายุ 26 ปี และตั้งเป้าไว้ว่าจะเรียนต่อดอกเตอร์ให้จบไม่เกินอายุ 30 ปี ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นจะทำให้ผมสามารถก้าวเข้าไปเป็นผู้บริหารโรงเรียนได้อย่างภาคภูมิใจ เพราะตอนนั้นผมคงมีพร้อมทั้งคุณวุฒิและวัยวุฒิเรียบร้อยแล้ว
สำหรับงานด้านการเป็นนายแบบโฆษณา หากในวันข้างหน้าสามารถต่อยอดไปสู่การเป็นดาราได้ ผมก็อยากจะลองทำดู เพราะที่ผ่านมาผมก็พยายามดูแลตัวเองมาพอสมควร ทั้งเรื่องหน้าตาและการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อ รูปร่างที่ดี ซึ่งหากมีโอกาสเข้ามาผมก็ต้องคว้าไว้แน่นอน ส่วนเรื่องเทรนเนอร์ออนไลน์ก็คงไม่ทิ้ง เพราะนอกจากเป็นความชอบส่วนตัวแล้ว ยังได้ช่วยเหลือคนอื่นให้มีรูปร่างและสุขภาพที่ดี แถมยังได้เงินเป็นค่าตอบแทนอีกด้วย”
คมธนู ทิ้งท้ายว่า นอกเหนือจากงานต่างๆ ที่ต้องทำแล้ว ยามว่างงานอดิเรกของเขาก็คือการเล่นบาสเกตบอล แต่ระยะหลังๆ มานี้อาจจะซาๆ ลงไปบ้าง เพราะเขาเริ่มมีงานหลายอย่างที่ต้องทำมากขึ้น ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวที่เขาอยากไปมากที่สุดในตอนนี้ก็คือประเทศญี่ปุ่น เพราะยังหาเวลาและโอกาสเหมาะๆ ที่จะไปเที่ยวไม่ได้สักที.อ๊ะ! ได้ยินแบบนี้แล้วสาวๆ รีบเข้าคิวอาสาเป็นไกด์พาเที่ยวกันเป็นแถวเชียวละ
C-170208006132