“เด็กติสต์” ปันประสบการณ์ท่องโลกศิลปะแดนมักกะโรนี แรงบันดาลใจ “รังสรรค์งานศิลป์”

          มหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติที่มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับจากผู้คนวงการศิลปะร่วมสมัยทั่วโลกซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุก 2 ปี ณ เมืองเวนิส ประเทศอิตาลี โดยเริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ.2438 เป็นต้นมา
จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่มหะกรรมศิลปะเวนิสเบียนนาเล่ จะเป็นดินแดนในฝันของเหล่าบรรดาอาร์ติสต์ทั่วโลกทั้งรุ่นเก่า รุ่นใหม่ ที่ปรารถนาอยากจะได้เข้าร่วมกิจกรรมไม่ว่าทั้งมาเป็นผู้แสดงผลงาน หรือมาเป็นผู้ชม
ในปีนี้ สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรมได้สนับสนุน นายสมบูรณ์ หอมเทียนทอง เป็นตัวแทนศิลปินไทยไปจัดแสดงผลงานในธีม “กรุงเทพบางกอก” ในไทยพาวิลเลี่ยนสะท้อนมุมมองของกรุงเทพฯ เมืองหลวงของไทยในมุมสงบ ที่มีวิถีวัฒนธรรมจากอดีตจนถึงปัจจุบันผ่านการรังสรรค์งานศิลปะเพื่อบอกให้คนทั่วโลกได้รู้จักประเทศไทยมากขึ้น โดยมีปลัดกระทรวงวัฒนธรรม นายกฤษศญพงษ์ ศิริ เป็นประธานเปิดงาน

          ขณะเดียวกัน ยังได้จัดทริปชุดใหญ่ไฟกะพริบส่งเด็กค่ายยุวศิลปิน โครงการเยาวชนสร้างสรรค์ผลงานศิลปะร่วมสมัย ปีที่ 8 จำนวน 10 คน ลัดฟ้าไปท่องโลกศิลปะ อย่างเต็มอิ่ม ด้วยการเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ศิลปะ เมืองมิลาน ทั้งที่ Duomo di-Milano, Pala-zzo Reale รวมถึงที่พิพิธภัณฑ์ Catted-rale diSanta Ma-ria del Fiore เมืองฟลอเรนซ์
และปิดท้ายด้วยการเข้าร่วมงาน มหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ ตะลุยเมืองเวนิสทั้งเมืองแถมยังไปศึกษาการสร้างสรรค์ผลงานการเป่าแก้วที่เกาะ Mu-rano และศึกษาวิถีชีวิตและงานสถาปัตยกรรมที่เกาะ Burano โดยมี อ.กมล ทัศนาญชลี ศิลปินแห่งชาติ เป็นแม่ทัพนำทีม ทั้งสอน ทั้งบรรยาย ทั้งเล่าประสบการณ์
เรียกได้ว่า น้องๆทุกคน กลับมาด้วยความรู้สึกสุดฟินและอินหนัก!!!!! ปอม ปอม เกิร์ล เลยขอเปิดพื้นที่แชต-แอนด์แชร์ประสบการณ์ เพื่อส่งต่อให้เพื่อนๆ กันเลย
เริ่มด้วย 1 หนุ่ม 1 สาวปี 5 คณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์ ม.ศิลปากร…หนุ่มมาดเซอร์ “เจมส์” ธีรพล สีสังข์ ปี 5 เปิดประเด็นเม้าท์ว่า”ตื่นเต้นมากกับการได้ไปศึกษาดูงานศิลปะของศิลปินระดับโลกทั้งสถาปัตยกรรม ประติมากรรม จิตรกรรม สื่อผสม รวมไปถึงสภาพบริบทความเป็นอยู่ของสังคม เช่น ผลงานจิตรกรรมช่วงยุคเรเนซองส์ มีหลากหลายศิลปิน ซึ่งต่างใช้สีสันที่เขียนได้สวยงามมากและมีความละเอียด ด้วยเทคนิคส่วนตัว นอกจากนี้ ยังได้ชมงานร่วมสมัยของชาติต่างๆ ทั่วโลก ที่งานเวนิสเบียนนาเล่ ซึ่งมีความหลากหลายในการใช้เทคนิคและสื่อต่างๆ ในการนำเสนอออกมาเป็นผลงานศิลปะที่น่าสนใจ ซึ่งเราชื่นชอบ Trea-sures from the WRECK of the Unbelieva ble Damien Hirst ผลงานประติมากรรมที่นำไปสร้างสรรค์ต่อที่ใต้ท้องทะเล มีสีสันสวยงามและมีแนวคิดอ้างอิงกับประวัติศาสตร์จากประสบการณ์ครั้งนี้จะนำความรู้ต่างๆที่ได้รับมาปรับใช้ในการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะส่วนตัวและนำมาบอกต่อกับเพื่อนรุ่น พี่รุ่นน้อง และผู้ที่สนใจด้วย”
และต่อกันแบบไม่ให้ขาดตอนกับ “ไอซ์” ปาลฉัตร ยอดมณี ที่เสริมทันที ว่า “อิตาลีเป็นประเทศในฝันที่นักเรียนนักศึกษาศิลปะฝันอยากจะไปชื่นชมความงามทางศิลปะ และ วันนี้ฝันหนูก็เป็นจริง จึงอยากจะเก็บเกี่ยวประสบการณ์ให้มากที่สุดทั้งจากการเข้าไปชมความงดงามทางสถาปัตยกรรมของโบสถ์วิหารและภาพวาดจิตรกรรมประติมากรรมเมื่อได้เห็นงานศิลปะ ของจริงที่ปรากฏอยู่ตรงหน้ามันสวยงามเกินกว่าที่จะหาคำบรรยาย มันแตกต่างจากที่เรียนรู้สัมผัสแค่ในหนังสือ เช่นเดียวกับที่ได้ไปยังเมืองเวนิสเมืองแห่งศิลปะ ทุกจุดทุกรายละเอียดไม่ว่าสถาปัตยกรรมบ้านเมืองที่มีโทนสีที่ดูเป็นเอกลักษณ์ผู้คนหลากหลายต่างให้ความสำคัญกับศิลปะมากทุกสิ่งในเมืองจึงดูสวยงามและที่ประทับใจที่สุดก็คงเป็นการได้ไปดูประติมากรรมเดวิด รูปปั้นชายที่งดงามตามอุดมคติเป็นรูปปั้นที่นักศึกษาคุ้นเคยในการเรียนมากทุกอย่าง ถือเป็นประสบการณ์ที่ดีและควรค่าแก่การจดจำ จึงตั้งใจรักษามรดกทางวัฒนธรรมและความงดงามที่บรรพบุรุษรุ่นก่อนได้สร้างสรรค์เอาไว้ให้ดีที่สุด”
ขณะที่ “เพียว” ธีระพล รินทร ปี 4 คณะศิลปกรรมศาสตร์ ม.ขอนแก่น บอกว่า “ตื่นเต้นกับการเดินทางไปต่างประเทศครั้งแรกในชีวิต ทำให้อยากเก็บประสบการณ์ใหม่ๆ โดยเฉพาะที่ได้ไปดูงานศิลปะที่เป็นยุคแรกๆ ของโลก ไล่มาจนถึงศิลปะระดับโลกยุคปัจจุบัน ซึ่งมีความประทับใจโบสถ์ Saint    Mark’s Basilica ในความยิ่งใหญ่ของสถาปัตยกรรมและความอลังการของสถานที่แห่งจิตใจที่ทำให้กระเบื้องเล็กๆประกอบกันก่อเกิดเป็นความยิ่งใหญ่ของโบสถ์ซึ่งเราจะนำสิ่งที่ได้ไปศึกษามาสร้างแรงบันดาลใจพัฒนาตัวเอง พร้อมทั้งช่วยพัฒนาคนอื่นด้วย”
ปิดท้ายกับสาวหน้าหวาน”แคท”สาวิณี ผันสนาม ปี4 สาขาจิตรกรรมคณะศิลปกรรมศาสตร์ มทร.ธัญบุรี เล่าว่า”รู้สึกตื่นเต้นกับงานศิลปะที่อิตาลีมาก มีทั้งงานอนุรักษ์และงานโมเดิร์น ทุกงานน่าสนใจทั้งหมด โดยเฉพาะที่เมืองฟลอเรนซ์ ให้ความรู้สึกเหมือนเมืองของเหล่าเทพแห่งศิลปะจนตัวเองรู้สึกอินมาก เหมือนว่าฝันไปทุกๆที่ที่ได้ไป ล้วนแล้วแต่เป็นแหล่งความรู้ทั้งหมด มันเพิ่มความชัดเจนของความเป็นศิลปะให้ตัวเรามากขึ้นอีกหลายเท่าตัว อีกทั้งปรับการทำงานเพิ่มความคิดและมุมมองใหม่ให้กับตัวเรามาก ทั้งมีผลต่อการสร้างสรรค์ผลงานในอนาคตและสุดท้ายทุกที่ที่ได้ไปทุกอย่างที่เจอ ทำให้อยากเก็บในส่วนที่ดีๆ มาถ่ายทอดให้น้อง ที่มหาลัยและถ่ายทอดผ่านงานศิลปะของตัวเองด้วย”
เพราะศิลปะสร้างให้คนได้ทั้งคิดและจินตนาการ แต่การที่ศิลปินจะสร้างสรรค์ศิลปะให้ได้ดีนั้น นอกจากอาศัยความรู้และจินตนาการของตนเองแล้ว หากได้รับประสบการณ์จากการสัมผัสและเรียนรู้จริง ก็จะสร้างให้เกิดแรงบันดาลใจเพื่อสร้างสรรค์ผลงานให้ดีขึ้นได้

แสดงความคิดเห็น

[fbcomments count="off" num="5"]